‘ผบ.ทอ.’เผยยอดสมัครนักบินหญิงทอ.เกินคาดรวมยอด 8 คน นำร่อง 3 ปี คาดปลายปีออกบินจริง โอกาสเติบโตเท่าผู้ชาย ไม่หวั่นนักบินย้ายไปบินสายการบินพาณิชย์ต้องสร้างความภาคภูมิใจในการเป็นทหาร
วันนี้ (25 เมษายน) พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวถึงการเปิดรับสมัครนักบินหญิงกองทัพอากาศจำนวน 5 อัตรา ว่า ภายหลังปิดรับสมัครมีจำนวนทั้งหมด 8 คน ต่อไปจะเป็นการตรวจคุณสมบัติและการตรวจคัดเลือก สอบวิชาการ สอบภาคปฏิบัติ การตรวจร่างกาย ซึ่งจะทราบผลในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ต่อไปจะเป็นการฝึกเป็นข้าราชการทหารอากาศ ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน เสร็จช่วงประมาณเดือน ส.ค. เข้าบรรจุเป็นข้าราชการทหารอากาศพร้อมแต่งตั้งยศเป็นเรืออากาศตรีหญิง เพื่อเข้ารับการฝึกบินประมาณ 3 เดือน คาดว่าในปีนี้จะมีนักบินหญิงปฏิบัติภารกิจในฝูงบินต่างๆ ทั้งกองบิน 6 กองบิน 46 กองบิน 7 เครื่องบินลาดตระเวณ โดยจำนวนผู้สมัครจำนวน 8 คนนั้นถือว่ามากในปีแรก ที่สนใจมาสมัคร เกินเป้าหมาย เพราะเป็นผู้หญิงและเรียนการบิน มีไม่มากนัก เชื่อว่าปีที่ 2-3 จะมีมาสมัครมากขึ้น
ทั้งนี้การฝึกจะเหมือนกับนักบินชาย เพราะผ่านการเป็นนักบินมาแล้ว แต่จะมาฝึกในเรื่องการบินยุทธวิธีเพิ่มขึ้นในบางส่วน การฝึกยังชีพ ให้สอดคล้องกับนักบินชายของกองทัพอากาศ โดยมีระยะเวลาที่จะต้องประจำการขั้นต้นนำร่อง 3 ปี ปีละ 5 คนและอยู่ที่สัญญาที่จะลงนามด้วย แต่ตนต้องการให้นักบินที่ผ่านการคัดเลือกนั้นอยู่นานที่สุด การเจริญเติบโตก็เทียบเท่ากับนักบินชาย ผ่านคุณสมบัติและขีดความสามารถที่เติบโตขึ้นไปได้เรื่อยๆ แต่ขณะนี้เป็นโครงการ 3 ปีเพื่อศึกษาดูผลกระทบว่าจะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้กล่าวว่าในอนาคตเมื่อพ้นเวลาขั้นต้น 3 ปี อาจมีโครงการต่อเรื่อยๆ เพราะต่างประเทศมีอยู่แล้ว ส่วนจะเปิดรับผู้หญิงเป็นศิษย์การบินโรงเรียนนายเรืออากาศฯหรือไม่ในอนาคต พล.อ.ตรีทศ กล่าวว่า นักบินนายเรืออากาศหญิงในตอนนี้ยังไม่มี ต้องดูกันในทั้งระบบของทหารเพราะรับมาจากโรงเรียนเตรียมทหาร จะมาทั้งนักเรียนนายร้อย นักเรียนนายเรือ นักเรียนนายเรืออากาศ ต้องดูภาพรวมของกระทรวงกลาโหม
ส่วนการแก้ปัญหานักบินกองทัพอากาศลาออกไปเป็นนักบินสายการบินพาณิชย์นั้น พล.อ.อ.ตรีทศ กล่าวว่า ต้องทำให้เขาภาคภูมิใจในความเป็นนักบินทหาร ว่าทำงานเสียสละเพื่อประเทศชาติ เช่นนักบินเครื่องบินลำเลียงหรือ C-130 ที่ปฏิบัติภารกิจสัปดาห์ก่อนในการลำเลียงนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจาการปฏิบัติหน้าที่ จ.น่าน ส่งมารักษาตัวยังกรุงเทพฯ ถือเป็นเกียรติและความภูมิใจของกองทัพอากาศที่ได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญร่วมกับกองทัพบก เขาก็จะรักกองทัพ ให้สวัสดิการส่วนต่างๆ พอสมควร