⦁…เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ผ่านมาแล้ว 42 ปี วันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่บริเวณสวนประวัติศาสตร์ธรรมศาสตร์ หน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการจัดงาน และตักบาตรพระสงฆ์ 19 รูป เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต มีผู้เข้าร่วมงานตั้งแต่เช้า อาทิ นายสุธรรม แสงประทุม, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์, นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์, นายมุข สุไลมาน, นายสมชัย แนวพานิช, น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ, นายชำนาญ จันทร์เรือง เป็นต้น
⦁…เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ดังกล่าว ได้ให้บทเรียนเกี่ยวกับอันตรายจากความเกลียดชัง การใส่ร้ายป้ายสี การปลุกปั่นให้คนไทยทำร้ายกันเอง การใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่น สุดท้ายลงเอยด้วยความสูญเสีย เสียดายที่บทเรียนนี้ไม่สามารถสกัดกั้นเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อปี 2551-2553 ได้ “ทำผลจากความรุนแรงได้ส่งผลทำลายล้าง และสร้างบาดแผลในใจของฝ่ายที่ขัดแย้งมาจนถึงบัดนี้”
⦁…ระยะหลังเมื่อการเมืองมีความคมชัดว่าจะเลือกตั้ง พรรคการเมืองได้รับการ “ผ่อนคลาย” แม้จะยังไม่อนุญาตให้หาเสียง แต่เมื่อกลุ่ม 3 มิตรพบปะประชาชนได้ พรรคการเมืองอื่นๆ ก็พบปะประชาชนได้ และเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกสัญจรได้ พรรคการเมืองก็หาช่องสัญจรบ้าง วันนี้ ทั้ง สุเทพ เทือกสุบรรณ ทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และอื่นๆ ต่างออกพบปะประชาชน แม้จะไม่เรียกว่าหาเสียง แต่ก็หาเสียงนั่นแหละ
⦁…พรรคอนาคตใหม่เปิดรับสมาชิกกันแล้ว หัวหน้าพรรคประกาศว่าเปิดฟรีให้คนสนใจเข้ามาสมัครกันเอง ไม่ได้เกณฑ์กันมา วันแรก ชาญวิทย์ เกษตรศิริ มาลงชื่อร่วมด้วย ประกาศตัวชัดเจนว่าสนับสนุนลูกศิษย์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค พร้อมทั้งอวยพรขอให้ฝ่ายประชาธิปไตยประสบความสำเร็จ
⦁…แหล่งข่าวบอกว่า หลังจากที่กลุ่ม 3 มิตรเริ่มงัดข้อกับพรรคพลังประชารัฐเรื่องคัดตัวผู้สมัครลงเขต กระทั่งมีข้อเสนอให้ใช้วิธีทำโพลในพื้นที่เพื่อเลือกคนที่ประชาชนต้องการลงชิง ส.ส.เขต ปรากฏว่าบัดนี้ได้มีการ “เคลียร์ใจ” กันแล้ว กระทั่งล่าสุด สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำ 3 มิตรออกมายืนยันว่ายังไงก็ขออยู่กับ พปชร.
⦁…ข่าวล่ามาแล้ว บอกว่า “ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีโอกาสขึ้นไปแตะ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล” แม้วันนั้นจะยังมาไม่ถึงแต่ก็สะกิดให้หวนนึกถึงหลายปีก่อนที่น้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปสูง ทำให้ราคาน้ำมันในไทยพุ่ง และกลายเป็นต้นเหตุของข้ออ้างขึ้นราคาสินค้าหลายอย่าง ท่ามกลางรายได้ที่ยังหดหาย หากมีภาระค่าใช้จ่ายสูงดั่งที่คาด คนไทยคงระทมทุกข์กันอีกโข
⦁…นี่คือสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ต้องรับมือ ขณะที่มีกระแสข่าวหนาหู ตั้งคำถามว่า “ไทยกำลังจะตกเป็นของต่างชาติในทางเศรษฐกิจไปแล้วหรือไม่” อาทิ สวนผลไม้เมืองจันทบุรีตกเป็นของล้งจีน อสังหาริมทรัพย์ตกเป็นของนักลงทุนต่างชาติ ฯลฯ ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงแถลงไขให้ฟังเพื่อความสบายใจหน่อยได้ไหมว่า ผืนดินไทยยังเป็นของไทยอยู่ ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของชาติใดโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว
นิวรอน
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่