ที่เห็นและเป็นไป : อย่าให้มันน่าเกลียด

ถ้าเผด็จการไปได้ดี สามารถบริหารจัดการประเทศที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ นำชาติกลมกลืน
ไปกับความเป็นไปของโลกได้

คงไม่ต้องนำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย

แต่เพราะรับรู้กันอยู่ทุกคนทุกฝ่ายว่า แม้จะสนองความอยากของบางคนบางกลุ่มได้มากกว่าแค่ไหน แต่ที่สุดแล้วเผด็จการไปไม่ได้ ไม่ใช่หนทางที่จะนำพาประเทศให้พัฒนาไปอย่างที่เหมาะที่ควร

จึงต้องจัดการเลือกตั้ง อันเป็นรูปแบบของประชาธิปไตย

Advertisement

ทว่าปัญหาประชาธิปไตยของประเทศเราอยู่ที่ความสงบเรียบร้อย

ทำอย่างไรจะเป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีความวุ่นวาย

แม้จะพยายามชี้ให้เห็นว่าเหตุที่บ้านเมืองไม่สงบ มีแต่ความวุ่นวายเพราะนักการเมืองเป็นตัวปัญหา เป็นคนไม่ดี

Advertisement

แต่ลึกลงไปแล้วทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจ ว่าเป็นเพราะกลุ่มคนที่ถือว่าตัวเองเหนือกว่า เก่งกว่า ฉลาดกว่า ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่ประชาชนเลือกที่จะให้อำนาจไปตกอยู่กับคนกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่พวกตน

ความจริงหนึ่งที่คิดกลบฝังทำเป็นไม่รับรู้ไม่ได้ คือความวุ่นวายของบ้านเมืองเกิดขึ้นจากคนกลุ่มที่เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศโง่เง่า ไม่ควรจะให้สิทธิที่เท่าเทียมในการมีส่วนร่วมปกครองประเทศ เพราะให้แล้วมีแต่ละเลือกคนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ

ซึ่งความหมายของ “คนไม่ดี” ก็คือ “คนที่ไม่ใช่อยู่ในกลุ่มในพวกตัว” นั่นเอง

การเปิดทางให้ “เผด็จการ” เข้ามาสร้างประชาธิปไตยแบบใหม่ ลดความเท่าเทียมของสิทธิประชาชนลงไปจึงเกิดขึ้น

ด้วยความหวังว่า “สิทธิที่ไม่เท่าเทียม” จะเป็นทางออกให้ประเทศเป็นแผ่นดินประชาธิปไตยที่มีความสงบได้

และ “รัฐธรรมนูญ” ที่เป็น “กติกาสูงสุดของโครงสร้างอำนาจรัฐ” ก็งอกออกมาจากแนวความคิด “คนดี” ที่มาจากการ “สถาปนาตัวเอง” ต้องมีโอกาสในอำนาจมากกว่าจึงเกิดขึ้น

ความเป็นไปเช่นนี้ แม้จะมีความอึดอัดอยู่บ้าง จนบางคนที่เลือดรักความเป็นธรรมร้อนแรงทนไม่ไหว ต้องระบายด้วยการแสดงออกในทางต่อต้าน รุนแรงบ้าง ไม่รุนแรงบ้าง แม้จะรู้ว่าเสี่ยงต่อการถูกคุกคามเสรีภาพก็ยอม เพราะไม่อาจทนแรงอัดอั้นภายในใจของตัวเองได้

แต่ประชาชนส่วนใหญ่ แม้กระทั่งนักการเมืองยอมแล้วที่จะให้ประเทศดำเนินไปด้วยวิธีคิดเรื่องสิทธิประชาชนแบบไม่เท่าเทียมนี้

เพียงขอให้มีการเลือกตั้ง ให้เป็นประเทศมีภาพของประชาธิปไตย

เพราะรับรู้กันว่าเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้กลับมาพัฒนาในวิถีของโลกได้

ยอมที่ทำงานการเมืองในกติกาที่เสียเปรียบนั้น แม้จะไม่เต็มอกเต็มใจนัก ด้วยความหวังว่าหลังเลือกตั้งแผ่นดินไทยจะมีประชาธิปไตยที่มาพร้อมกับความสงบ ไม่ถูก “คนดีสถาปนาตัวเอง” ออกมาปฏิบัติการเพื่อปฏิเสธการมีส่วนร่วมของประชาชนส่วนใหญ่อีก

แผ่นดินที่สงบเรียบร้อยคือความปรารถนา แม้จะต้องจำนนต่อการให้ “อภิสิทธิ์ชน” มีโอกาสในอำนาจมากกว่าก็ยอม

ในสภาพแบบนี้ มันน่าจะจบ หากคนบางกลุ่มบางฝ่ายมีสำนึก มีความละอายว่าแค่นี้ก็มากพอแล้ว ไม่ควรใช้อำนาจที่เหนือกว่ามาทำให้เกิดความได้เปรียบมากขึ้นในการเลือกตั้ง

ในเรื่องบางเรื่อง หากมีสำนึกที่ดี มีความละอาย ไม่หลงในอำนาจ จะต้องไม่ทำในสิ่งที่สะท้อนถึงการไม่คิดถึงความรู้สึกของประชาชนจนมากเกิน ท้าทาย กดข่มความรู้สึกไม่ชอบธรรมในใจคนมากเกินไป

คงไม่จำเป็นต้องสาธยายในรายละเอียด ว่าพฤติกรรมเอาเปรียบอย่างน่ารังเกียจนั้นมีเรื่องอะไรบ้าง เพราะไม่เพียงแต่สามารถตรวจสอบเอาจากเสียงร้องที่ชี้ให้เห็น
ความไม่ชอบธรรมที่หาได้ไม่ยากแล้ว หากมีสำนึกในคุณธรรมอยู่บ้าง แม้เพียงเล็กน้อย ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าได้นำพาตัวเอง
ไปทำในเรื่องที่สะท้อนความไร้สำนึกอย่างไรบ้าง

หลังเลือกตั้ง แผ่นดินไทยของเราทุกคนควรคืนสู่ประชาธิปไตยที่มีความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ประเทศพัฒนาไปได้อย่างที่ควรจะเป็น

ประชาชนส่วนใหญ่ยอมสูญเสีย “สิทธิที่เท่าเทียม” ไประดับหนึ่งแล้ว

อย่าได้หลงระเริงในอำนาจกระทั่งไปสร้างเงื่อนไขที่กดดันให้เกิดความอึดอัดจนมากมายเลย

ด้วยทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า ถึงอย่างไร “เผด็จการ” ก็ไม่ใช่ทางเลือกนำพาประเทศไปได้

อย่าสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดซ้ำขึ้นอีกเลย

สุชาติ ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image