ทำไมจึงเกิดกระแสข่าวว่า นายชวน หลีกภัย ไม่เอา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นในท่ามกลางการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในทางการเมือง
ไม่เพียงแต่เป็นการเมืองจาก “ภายนอก” หากแต่ยังเป็นการ เมืองที่ดำรงอยู่ “ภายใน”
ข่าวแบบนี้ไม่ได้มาจาก”ภายนอก”หากเกิดขึ้น “ภายใน”
เพราะเกิดขึ้น “ภายใน” นั่นเอง นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ จึงต้องออกมายืนยัน “คนที่เซ็นชื่อรับรองให้นายอภิสิทธิ์ชิงหัวหน้า พรรคคนแรกคือ นายชวน คนที่ 2 คือ นายบัญญัติ”
พร้อมกับสำทับ “รวมผู้ที่เซ็นชื่อรับรอง 40 กว่าคนยืนยันได้ดีว่ามีการปล่อยข่าวจากฝ่ายที่จ้องทำลายพรรค”
ไม่ว่าจะเรียกว่า “ทศวรรษที่สูญหาย”จากก่อนรัฐประหารเมื่อเดือน กันยายน 2549 กระทั่งก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ต้องยอมรับใน”วัฒนธรรม”ในทางการเมืองสำคัญ
นั่นก็คือ วัฒนธรรมในการสร้างข่าว ปล่อยข่าว ทำลายล้างกัน
ไม่ว่าจะผ่านบนเวทีปราศรัยของ”พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ไม่ว่าจะผ่านบนเวทีปราศรัยของ”มวลมหาประชาชน”
เห็นได้จากกรณี”ปฏิญญาฟินแลนด์” เห็นได้จากกรณี”โฟร์ซีซั่น”
วัฒนธรรมแบบนี้ย่อมสะท้อนเข้าไปยังพรรคประชาธิปัตย์
สะท้อนให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมากด้วยความเข้มข้นแหลมคม ถึงกับงัดเอาอาวุธเข้ากระหน่ำห้ำหั่นแม้ว่าจะอยู่ภายใต้ร่มธงพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกัน
นี่คือความเลวร้ายที่ดำรงอยู่มาเป็น”ทศวรรษ”
ความเลวร้ายซึ่งกำลังเกิดขึ้น”ภายใน”พรรคประชาธิปัตย์เป็นบทเรียนอันทรงความหมายยิ่งในทางการเมือง
เด่นชัดว่าเป็นการเมืองที่จำเป็นต้อง”ปฏิรูป”
การต่อสู้เพื่อช่วงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ฉายสะท้อนความเลวร้ายนี้ออกมา
เท่ากับเป็นเครื่องเตือนทั้งภายในและภายนอกพรรค
เตือนให้ตระหนักว่าผลสะเทือนจากความเลวร้ายของวัฒนธรรมการเมืองแบบให้ร้ายป้ายสีนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง