รายงาน : ‘วรงค์ เดชกิจวิกรม’ ชู‘กล้าเปลี่ยนเพื่อประชาชน’ ชิง‘หัวหน้าปชป.’

หมายเหตุนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะผู้สมัครเบอร์ 2 ที่เข้ารับการหยั่งเสียงชิงหัวหน้าพรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืน วิสัยทัศน์ รวมทั้งแนวทางการบริหารประเทศ หากได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่

⦁แนวทางการเปลี่ยนแปลงพรรค ปชป. หากได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่

ถ้าผมได้เป็นหัวหน้าพรรค ปชป. สิ่งที่ต้องทำ คือ การเปลี่ยนแปลงพรรค ปชป.เพื่อทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น และนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง ผมคิดว่าในระยะยาวพรรค ปชป.ต้องเป็นหลักให้ประเทศ ในการนำพาประเทศเพื่อความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน

โดยแนวทางการเปลี่ยนแปลงพรรคของผม คือ 1.เราต้องเปลี่ยนการทำงานให้เป็นทีมเวิร์ก พรรคจะต้องทำงานเป็นทีม ส่วนตัวผมไม่เชื่อการนำเดี่ยว ที่สำคัญ เราต้องส่งเสริมการสร้างทีมให้มีศักยภาพ เลือกคนที่เหมาะกับงาน ให้สมกับสุภาษิตจีนที่กล่าวว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นมังกร มังกรจะงามสง่า นอกจากหัวสูงแล้ว แขนขาต้องสูงด้วย

Advertisement

2.พรรคจะต้องเปิดกว้าง เพื่อดึงศักยภาพของคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกัน เพื่อสร้างทีมที่เข้มแข็งให้พรรค ที่ผ่านมาเราถูกวิจารณ์มาตลอดว่าคนอื่นที่จะมาร่วมงานกับพรรคนั้นยาก เพราะว่าเราไม่เปิดกว้าง วันนี้ผมจึงมีความตั้งใจชัดเจนที่จะเปิดพรรคให้กว้าง

ส่วนตัวผมยอมรับว่า ผมไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ผมรู้บางเรื่อง ที่สำคัญ ผมรู้ว่าผมรู้อะไร และไม่รู้อะไร สิ่งใดที่ผมไม่รู้ ผมจะเชิญคนที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมงานแน่นอน ไม่ว่าคนคนนั้นจะอยู่ที่ไหน และผมบอกได้เลยว่า ตอนนี้ผมได้ติดต่อเชิญคนที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมงานไว้พอสมควร ถ้าหากผมชนะได้เป็นหัวหน้าพรรค ก็จะเปิดตัวบุคคลเหล่านี้ที่พร้อมมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์

3.พรรคจะต้องกระจายอำนาจให้สาขาพรรค พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันที่มีสาขาพรรคมากที่สุดในประเทศ แต่เราไม่ได้ให้บทบาทสาขาพรรคแต่อย่างใด ผมคิดว่าถ้าเรากระจายอำนาจ สร้างสาขาพรรคให้เข้มแข็ง ให้ประธานสาขาพรรคมีที่ยืน วันใดเป็นรัฐบาล ถ้ารัฐมนตรีของพรรคลงในพื้นของสาขาพรรค ประธานสาขาพรรค จะต้องร่วมรับปัญหาเคียงบ่าเคียงไหล่กับรัฐมนตรี ถ้าหากมีแขกบ้านแขกเมืองมาลงในพื้นที่ใด ประธานสาขาพรรคต้องร่วมต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง

Advertisement

แนวคิดนี้ผมได้มาจากพรรค DPP (Democrat Progressive Party) หรือพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ของไต้หวัน ซึ่งเขาได้ให้บทบาทต่อสาขาพรรคมาก จนทำให้พรรคเขาเข้มแข็ง สามารถเอาชนะพรรคก๊กมินตั๋งที่ปกครองมาอย่างยาวนาน

ถ้าหากผมได้รับเลือกเป็นหัวหน้า ผมจะนัดหมายเชิญประชุมประธานสาขาพรรคทันที และทำความเข้าใจถึงการกระจายอำนาจ สิ่งที่ต้องย้ำว่า พรรคกระจายอำนาจออกไปเพื่อดูแลสมาชิกและประชาชน ถ้าใครนำอำนาจนี้ไปใช้เพื่อตนเอง ทางพรรคจะปลดทันที

4.การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพรรค ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามีภาพลักษณ์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องไม่ติดดิน ห่างประชาชน พยายามพบประชาชนทุกกลุ่ม เกษตรกร แท็กซี่ กลุ่มประชาชนที่มีโอกาสน้อย เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นกันเองมากขึ้น ซึ่งความพยายามของผมได้ผล เพราะมีเสียงตอบรับที่ดีมาก ที่ทั้งประชาชน และสื่อที่ไปทำข่าวบอกกับผมว่าไม่เคยเจอภาพลักษณ์เช่นนี้จากพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน พยายามสื่อสารกับประชาชนว่าพวกเราทำมากกว่าพูด และเมื่อพูดต้องพูดจริงทำจริง รวมทั้งแสดงความกล้าออกมาในการทำกิจกรรม เพื่อสื่อสารว่าพวกเรากล้า ทั้งกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ และกล้ารับผิดชอบ ชนิดสุดสุด เพื่อเสนอความแตกต่าง จุดสำคัญอีกอย่างคือ ต้องแสดงความมุ่งมั่นว่าใช้หัวใจทำงาน และแสดงความมั่นใจที่จะนำพาประเทศของเรา

5.ปรับเปลี่ยนความเชื่อมั่น จากฝ่ายค้านผูกขาดมาเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล สิ่งเหล่านี้เป็นชุดความคิดที่พวกเราจะต้องสร้างพลังใจ และชุดความคิดใหม่ให้แก่ชาวประชาธิปัตย์ เพราะการที่เราแพ้คะแนนเลือกตั้งต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน ทำให้ขวัญกำลังใจของสมาชิกไม่เต็มที่ ถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรค ผมต้องสร้างชุดความคิดใหม่เพื่อเติมพลัง สร้างความฮึกเหิมว่าเราต้องชนะ และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ความเชื่อมั่นในพวกเรานั้นสำคัญมาก เพราะพวกเราต้องเชื่อก่อนว่าเราจะชนะการเลือกตั้ง ประชาชนจึงจะเชื่อตามเรา

6.เปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ เท่าที่ผมสังเกตการทำงานที่ผ่านมา พรรค ปชป.ยึดติดกับกับดักของปัญหา เมื่อเอาปัญหาเป็นตัวตั้ง สิ่งที่ตามมา คือ ความกลัว หรือความไม่กล้า ทำให้ผลงานไม่เป็นที่พอใจนัก ผมจะเปลี่ยนการทำงานให้เอาเป้าหมายความสำเร็จเป็นตัวตั้ง ใช้ความกล้าในการทำงาน ปัญหามีให้คิดให้แก้ไข ผมเชื่อว่าจะทำให้ผลงานเป็นที่พอใจของประชาชน

⦁การหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค จะทำให้พรรคเกิดความขัดแย้งหรือไม่

จุดสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ การต่อสู้ครั้งนี้ผมมีความตั้งใจทำเพื่อพรรค เป็นความงดงามของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่เป็นการแข่งขันตามระบบ และผมเชื่อว่านี่คือจุดเริ่มต้นของกระดุมเม็ดแรกในระบอบประชาธิปไตย และผมเชื่อว่าระบบนี้จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่เปลี่ยนม้ากลางศึก แต่เป็นการคัดเลือกม้าดีม้าแกร่งที่สุดจะออกศึก อยู่ที่ว่าสมาชิกจะเลือกม้าแบบใด ม้าตัวเก่าที่วิ่งมานาน หรือจะเอาม้าตัวใหม่ที่กระตือรือร้นมีความคึกคักออกศึกชิงชัย

⦁วิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศ หากได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี

ผมคิดว่าประเทศไทยของเราเสียเวลามานานมากกับการจมอยู่กับที่ ต้องทำให้ประเทศของเราขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยการให้การเมืองต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน หลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งแยกประชาชน ผมมีเป้าที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ประเทศชั้นนำของโลกใน 20 ปี วางเป้าหมายว่าจะต้องแข่งกับสิงคโปร์ในอนาคต

หัวใจใหญ่ของพวกเรานั่นคือการปราบโกง เนื่องจากการโกงเป็นอุปสรรคสำคัญของการพัฒนาประเทศ ให้เป็นประเทศชั้นนำของโลก ผมได้หลักคิดมาจากการสร้างประเทศของสิงคโปร์ และประเทศจีน สองประเทศนี้มีความแตกต่างทั้งขนาดประเทศ ขนาดประชากร ในสมัยก่อนเรามักจะชอบอ้างว่าประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กพัฒนาง่าย แต่สามสิบปีที่ผ่านมามีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากประเทศที่จนกว่าประเทศไทย ไปสู่ประเทศอันดับต้นของโลก แต่จีนมีประชากร 1,400 ล้านคน สิ่งที่เหมือนกันของสองประเทศ นั่นคือ การปราบโกง จึงถือว่าการปราบโกงคือหัวใจในการพัฒนาประเทศ

ผมเข้าใจดีว่าการที่จะผลักดันประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำนั้นไม่ง่าย เพราะไม่เพียงแต่มีปัญหาเรื่องการโกงถูกสร้างเป็นค่านิยมแล้ว เรื่องวินัยและกฎเกณฑ์ที่จะบังคับใช้ก็มีปัญหา ตลอดจนความพร้อมของประชาชน แต่ผมคิดว่าสิ่งใดๆ ที่คนในโลกนี้เขาทำได้ ถ้าเราคิดฝันที่จะต้องมุ่งมั่นตั้งใจทำให้ได้เช่นกัน “คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้”

⦁แนวทางการสร้างประเทศที่เป็นรูปธรรม

ผมมีชุดความคิดต่อการสร้างประเทศของเราสองชุดความคิด ชุดความคิดแรกเป็นเรื่องเร่งด่วนของการแก้ปัญหาปากท้องและความยากจน ส่วนชุดความคิดที่สองเป็นเรื่องของการปูรากฐานความพร้อมเพื่อการพัฒนาประเทศ

ชุดความคิดแรก ปัญหาเร่งด่วนของการแก้เรื่องปากท้อง และความยากจน นั่นคือการเยียวยาประชาชนที่ทุกข์ยาก เราต้องยอมรับว่าในสังคมไทยนั้นมีความเหลื่อมล้ำสูงมาก การปล่อยให้คนทุกกลุ่มแข่งขันอย่างเสรีนั้นเป็นไปไม่ได้ คนที่ด้อยโอกาสจะเสียเปรียบ เพราะไม่มีศักยภาพในการแข่งขัน รัฐบาลจึงต้องเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้ประชาชนกลุ่มนี้ลืมตาอ้าปากได้ เมื่อแข็งแรงขึ้นถึงจุดที่ดูแลตนเองได้ เขาจะมีศักยภาพในการแข่งขัน

ปัญหาของประชาชนกลุ่มหลักนี้คือพี่น้องเกษตรกร ในช่วงเริ่มต้น ต้องเข้าไปจัดการปัญหาการเรื่องหนี้สิน เรื่องน้ำ ที่ดินทำกิน ราคาพืชผลการทางการเกษตร และการส่งเสริมอาชีพ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข เพื่อความอยู่ดีกินดี ของประชาชน สิ่งสำคัญของรายละเอียดนโยบายในแต่ละด้านที่เข้าไปช่วยเหลือ ต้องอยู่บนหลักการไม่โกง เพื่อให้ผลประโยชน์ทุกอย่างลงถึงประชาชนทั้งหมด

โดยในระหว่างที่ช่วยเหลือเกษตรกรให้ลืมตาอ้าปาก ต้องสร้างเกษตรกรพันธุ์ใหม่ ที่มีองค์ความรู้
เทคโนโลยี การบริหารจัดการที่ดี รวมทั้งการสร้างแบรนด์ ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุน นักศึกษาทางสายเกษตร หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ให้มาเป็นเจ้าของฟาร์ม หรือแม้แต่สนับสนุนคนไทย ที่ไปเป็นแรงงานในฟาร์ม ที่มีเทคโนโลยีการเกษตรที่ดี เช่น อิสราเอล เพื่อพัฒนาการเกษตรของประเทศระยะยาว สิ่งที่ต้องย้ำก็คือ ต้องไม่มีการโกงเกิดขึ้น

ชุดความคิดที่สอง คือ เรื่องปูรากฐานเพื่อการพัฒนาประเทศ ผมมีความชัดเจนที่เราต้องสร้างประเทศเพื่อแข่งขันกับสิงคโปร์ เนื่องจากชัยภูมิที่เหมาะสมกว่า ตลอดจนนิสัยใจคอคนไทยได้รับการยอมรับ มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติและเชิงวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติที่พร้อม อาหารที่อุดมสมบูรณ์

ถ้าเตรียมความพร้อมประเทศ โอกาสที่จะมีการเคลื่อนความเป็นศูนย์กลางการเงิน การลงทุนของโลก มาที่ประเทศไทยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ต้องทำ คือ การสร้างคนเพื่ออนาคต นั่นคือการปรับเปลี่ยนเรื่องการศึกษา เราต้องเปลี่ยนเป้าหมายการเรียนเพื่อสอบ เป็นเรียนเพื่อเป้าหมายการสร้างคน เรามีเป้าหมายที่เด็กไทยต้องพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ต้องมีวินัย มีความคิดเชิงวิเคราะห์และประกาศให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอีก 20 ปีข้างหน้า

การกระจายอำนาจ เป็นเป้าหมายหลักเพื่อกระจายความเจริญ ด้วยการให้เลือกตั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัด และมียุทธศาสตร์สร้างมหานครตามหัวเมืองหลักในภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงในแต่ละพื้นที่ การกระจายอำนาจจะเป็นยุทธศาสตร์ที่นำไปสู่การปฏิรูประบบราชการได้อย่างเป็นรูปธรรม

สร้างมาตรฐานประเทศใหม่ ต้องสร้างมาตรฐานขั้นต่ำของประเทศขึ้นมาใหม่ในการดูแลประชาชน ตั้งแต่การบริการภาครัฐ ความรวดเร็ว ความสะอาด รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเข้าถึงบริการภาครัฐ วางระบบโครงข่ายรถไฟรางคู่และความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงประเทศ รวมทั้งสร้างความเชื่อมโยงภาคเหนือและอีสาน และทำแผนโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง

ลดการผูกขาดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ด้วยการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เป็นการเอาเปรียบประชาชนที่ด้อยโอกาส ที่สำคัญการช่วยเหลือประชาชนที่ด้อยโอกาสต้องส่งตรงถึงครัวเรือน และพยายามให้ประชาชนเป็นผู้ดำเนินการ

นี่คือภาพรวมของชุดความคิดที่จะผลักดันประเทศไทยให้ความยากจนหมดไป และเป็นประเทศชั้นนำของโลก ที่สำคัญต้องย้ำทุกอย่างที่ดำเนินการต้อง “ไม่โกง” เพราะถ้าปล่อยให้โกงการบริหารประเทศจะล้มเหลวทันที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image