คสช. ชี้ อ.มหิดล ชูป้ายโหวตโนผิดม. 61 ระบุเป็นหน้าที่กกต.เอาผิด ด้านอ.มหิดล ยันไม่ปลุกปั่น แนะเปิดพื้นที่ถกร่างรธน.
เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่อ.เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว นักวิชาการจากสถาบันสิทธิมนุษยชนศึกษา และการพัฒนาสังคม ม.มหิดล แจกจ่ายเอกสารรณรงค์โหวตโนไม่ให้รับร่างรัฐธรรมนูญว่า หากพิจารณาจากเนื้อหาในเอกสาร จำนวน 7 ข้อ ที่นำมาเผยแพร่พบว่าเนื้อหาเข้าข่ายก่อความวุ่นวายตามมาตรา 61 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 และการเผยแพร่ดังกล่าวโดยผ่านสื่อมีเนื้อหาผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าไม่มั่นใจควรหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ไว้ก่อน ทั้งนี้ในข้อความตามเหตุผลทั้ง 7 ข้อในแผ่นพับเป็นเหมือนการคาดเดาใช้ความรู้สึกส่วนบุคคลที่ขาดการพิสูจน์ข้อเท็จจริงมาสนับสนุนชัดเจน ทำนองเดียวกันหากพิจารณาดูคร่าวๆ เบื้องต้นอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 61 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 อย่างไรก็ตามถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะต้องดำเนินการในการเอาผิด
ด้าน น.ส.เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว อาจารย์ประจำสถาบันสิทธิมนุษยชน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขอยืนยันว่าการแสดงออกดังกล่าวไม่ใช่เป็นการยุยงปลุกปั่นแน่นอน เพียงแต่เป็นการนำเสนอความคิดเห็นผ่านเอกสาร 7 แผ่น ซึ่งไม่ได้เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย และไม่ได้เป็นเท็จเลย ทั้งนี้คิดว่า คสช.ควรมีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูล ข้อถกเถียงอะไรต่างๆ อย่างรอบด้านในสังคม แต่ว่าการที่ไม่ได้เปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยกันได้ประชาชนเลยไม่รู้ว่าอะไรเป็นจริง อะไรเป็นเท็จ จึงทำให้การตีความร่างรัฐธรรมนูญสามารถทำได้เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ขณะเดียวกันมาตรการในการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก หากยิ่งทำมากขึ้นเท่าใดก็ยิ่งทำลายความชอบธรรมของคสช.เองไปในตัว เพราะประชาชนไม่รู้จะหาพื้นที่แลกเปลี่ยนกันอย่างไร ซ้ำร้ายก็จะกลายเป็นเรื่องที่ซุบซิบนินทากัน และใส่ร้ายป้ายสีกัน อันจะนำมาซึ่งเป็นผลร้ายต่อการทำประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามต้องรอดูก่อนว่ากรณีดังกล่าวกกต.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
