‘จรุงวิทย์’ ชี้ กม.เลือกตั้งใหม่ ให้เครื่องมือ-อำนาจปราบทุจริต เตือนพรรคการเมืองห้ามบุคคลภายนอกเข้าครอบงำ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ตุลาคม ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีการจัดกิจกรรม ราชดำเนินเสวนาในหัวข้อ “เตรียมความพร้อมทำข่าวเลือกตั้ง 62” โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวตอนหนึ่งว่า รู้สึกดีใจที่ขณะนี้พรรคการเมืองหลายพรรคประกาศว่าจะเป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง และการเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องไม่มีเลือด ต้องเป็นการเลือกตั้งที่สงบ

ระบบเลือกตั้งตอนนี้ก็มีปัญหาแตกเป็นพรรคเล็กพรรคน้อย มองว่าเป็นธรรมชาติพรรคการเมือง เพราะทุกพรรคอยากเป็นตัวแทนประชาชนเข้าไปทำงานในสภา และเป็นผู้บริหารประเทศเพื่อดำเนินการตามนโยบายพรรคของตนเอง แต่ละพรรคอยากได้ ส.ส.มากที่สุด จึงมีเทคนิคและวิธีการต่างๆ แต่ทุกอย่างต้องไม่ซื้อเสียงและทำผิดกฎหมาย ส่วนการเป็นรัฐบาลผสมก็เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ส่วนประเด็นเงินบริจาคพรรคและการระดมทุนพรรคนั้น หากเราบริจาคเงินให้พรรค 10 ล้านบาทแล้วจะไประดมทุนให้พรรคเกิน 10 ล้านบาทนั้นทำไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ แนวคิดและเจตนาของ กกต.ไม่อยากให้พรรคการเมืองเป็นของกลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การจัดกิจกรรมระดมทุนพรรคการเมืองในตอนนี้จะต้องขออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อน

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ให้มีบัตรเลือกตั้ง 1 ใบ ก็เพื่อให้เลือกคนและเลือกพรรคด้วย ดังนั้น พรรคการเมืองต้องส่งคนที่มีศักยภาพและเป็นที่รักของประชาชนในพื้นที่ ยอมรับว่ามีปัญหาและเกิดผลกระทบแน่นอน เพราะมีปัญหาเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่พรรคการเมืองกลัวว่าจะเกิดความไม่เป็นธรรมและส่งผลกระทบต่อฐานคะแนนเสียง แต่ กกต.ก็มีวิธีการโดยจะแบ่งอำเภอเป็นเขตเลือกตั้ง คิดว่าวิธีนี้ดีที่สุด และตัวเลขของจำนวนประชากรจะต้องใกล้เคียงกัน ซึ่งก็ต้องติดตามต่อไปว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร ส่วนการหาเสียงผ่านทางโซเชียลมีเดียต้องมีการหารือเรื่องรายละเอียดกันต่อไป ยอมรับว่าการหาเสียงครั้งนี้จะหนักไปทางโซเชียลมีเดีย โดยทุกวิธีการหาเสียง กกต.ต้องเป็นผู้กำหนด คำนึงถึงความเป็นธรรมและความเท่าเทียมให้กับทุกพรรค

“เมื่อก่อน กกต.เหมือนเสือกระดาษ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเรื่องซื้อเสียง กฎหมายให้อำนาจหน้าที่ กกต.ดำเนินการอย่างเต็มที่ มีอำนาจออกหมายเรียก และออกหมายจับได้ในคดีเลือกตั้งตามกฎหมาย ป.วิอาญา อีกทั้งมีการให้รางวัลแก่ผู้ที่ชี้เบาะแสในคดีเลือกตั้งระดับชาติคดีละ 1 แสนบาท โดยต้องมีหลักฐานให้ศาลสามารถลงโทษให้ใบแดงการเลือกตั้งได้ เชื่อว่าจะเป็นหัวใจสำคัญแก้ปัญหาการซื้อเสียงได้ ส่วนที่กังวลว่าจะทำให้สังคมเกิดความแตกแยก ผมคิดว่าสังคมจะไม่แตกแยกเรามีการคุ้มครองพยาน และสามารถกันผู้ที่ให้ข้อมูลไว้เป็นพยานได้ ถือเป็นมีดดาบของ กกต. ซึ่งพรรคการเมืองและนักการเมืองที่แพ้คดีต้องชดใช้เงินการจัดการเลือกตั้งด้วย เชื่อว่าหากแจกเงินไป 100 บ้าน ต้องมีสัก 3-4 บ้านที่มาให้หลักฐานกับ กกต. จากนี้พรรคการเมืองจะไม่กล้าทำแน่นอน เราต้องปฏิรูประบบการเลือกตั้ง และต้องไม่มีการทุจริตการเลือกตั้ง” เลขาธิการ กกต.กล่าว

Advertisement

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีข้อกังวลเรื่องการครอบงำชี้นำพรรคจากบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค ทำให้พรรคดำเนินงานได้ไม่อิสระ กฎหมายกำหนดให้การดำเนินกิจกรรมของพรรคต่างๆ ต้องเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น ถ้าเป็นบุคคลภายนอกอาจมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคได้ และตนเป็นห่วงว่าเมื่อใกล้การเลือกตั้ง พรรคการเมืองจะต้องไปหาสมาชิกพรรคได้ตามที่กฎหมายกำหนดอาจมีการให้สินบนหรือสัญญาว่าจะให้ เช่นการออกค่าใช้จ่ายการเป็นสมาชิกพรรคให้ ซึ่งความผิดถึงขั้นยุบพรรคได้เช่นกัน ตอนนี้มีหลายที่ที่มีคนไปเก็บบัตรประชาชนและแจกข้าวสาร หากมีพยานหลักฐานเราต้องดำเนินการ

เมื่อถามถึง กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อธรรม และพรรคเพื่อชาติ อาจจะเป็นพรรคนอมินีกันหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน และต้องเปิดกฎหมายว่าเข้าข่ายการครอบงำหรือไม่ เพราะพรรคต้องมีอิสระ ไม่ถูกครอบงำ ทั้งนี้ กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าการตั้งพรรคการเมืองที่อาจกระจายกันออกไป นโยบายอาจจะเหมือนกันบางอย่างได้ และบางอย่างอาจจะแตกต่างกันได้ ส่วนหลักการพิจารณาจะต้องดูข้อเท็จจริงว่าพรรคหนึ่งพรรคใดมีการครอบงำกันหรือไม่ เพราะพรรคถือเป็นนิติบุคคล หากเป็นนอมินีกันก็มีความผิดถึงขั้นยุบพรรค

ด้าน ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก ผอ.สำนักกฎหมายและคดี กล่าวว่า ในส่วนของข้อห้ามเรื่องการห้ามหาเสียงโดยใช้ความรื่นเริงหรือบันเทิงมหรสพนั้น เช่น ผู้สมัครมีความสามารถในการร้องเพลงหรือมีอาชีพเดิมเป็นนักร้องก็ห้ามนำเวทีหาเสียงมาร้องเพลง และห้ามนำเวทีร้องเพลงมาหาเสียง ซึ่งต้องแยกกันให้ออก เพราะถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำผิดกฎหมาย ส่วนกรณีที่บางพรรคการเมืองมีรัฐมนตรีไปร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรค มีหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่นั้น ตามกฎหมายมีข้อห้ามเรื่องการใช้ทรัพยากรของรัฐในการหาเสียง หากกำลังปฏิบัติหน้าที่บริหารบ้านเมืองก็ดำเนินการไป แต่ถ้าจะทำกิจกรรมของพรรคก็ต้องใช้ทรัพยากรของพรรคหรือทรัพยากรส่วนตัว โดยหลักไม่ควรใช้สถานที่ราชการมาพูดเรื่องพรรคของตนเอง ต้องแยกกันให้ออก และไม่ควรพูดเรื่องพรรคในทำเนียบรัฐบาล

Advertisement

ขณะที่นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ ผอ.สำนักบริหารการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ 1 กล่าวว่า กฎหมายหาเสียงเกี่ยวกับการเลือกตั้ง มีในส่วนของรัฐสนับสนุนในการกำหนดสถานที่ติดประกาศหรือแผ่นป้าย ส่วนเอกสารแนะนำตัวที่ผ่านมาก็ดำเนินการเป็นปกติ การจัดสรรเวลาออกอากาศและเวทีประชันนโยบาย กำหนดให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการสนับสนุนเท่านั้น ผู้สมัครดำเนินการเองคือโปสเตอร์ แผ่นป้าย รถแห่โฆษณา การจัดเวทีปราศรัย และมีผู้ช่วยหาเสียง ส่วนสื่อมวลชนหรือสถาบันการศึกษาจะจัดเวทีเผยแพร่แนวคิดของเหล่าพรรคการเมืองและนักการเมืองช่วงหาเสียงเลือกตั้งนั้น กฎหมายกำหนดว่าให้ กกต.จัดเวทีประชันนโยบายบริหารประเทศ เป็นหน้าที่ของ กกต. แต่ในส่วนของสื่อจะดำเนินการต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image