ที่มา | ประชาชาติธุรกิจ |
---|
วิเคราะห์
ปมการร่างรัฐธรรมนูญ โดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ยกร่างกันมาแล้ว 3 เดือนเต็ม ผลิตร่างรัฐธรรมนูญ 13 หมวด 261 มาตรา และเดินมาเกือบโค้งสุดท้าย วันดีเดย์ที่สังคมจะได้เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม ถูกบันทึกลงในปฏิทินร่างรัฐธรรมนูญเป็นวันที่ 29 มกราคม
แต่ไม่ต้องรอจนถึงวันเปิดร่างแรกฉบับเต็มในวันที่ 29 มกราคม แค่มีบางปมที่ถูกเผยโฉมออกมาล่วงหน้า เช่น ที่มานายกฯ การให้พรรคการเมืองเสนอชื่อคนที่จะมาเป็นนายกฯ 3 ชื่อ หากได้รับเลือกตั้ง การเพิ่มดาบองค์กรอิสระจนเป็นขั้วอำนาจที่ 4
เท่านี้ กรธ.ก็ได้รับก้อนอิฐจากบรรดาพรรคการเมือง 2 ฝั่งอำนาจ ที่เป็นศัตรูกันในสนามรบการเมือง แต่อาจหันมาสงบศึกจับมือกันปรองดองกันโดยอัตโนมัติ เพื่อภารกิจ “คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ”
หน้าฉาก “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดทำนองเทียบเชิญพรรคการเมือง ในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์ว่า “พรรคการเมืองทุกพรรคเริ่มมองตากัน ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ว่าจะเอาอย่างไรกับรัฐธรรมนูญนี้ดี”
หน้าฉาก “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “เพื่อไทยไม่ขัดข้อง ยินดีพูดคุยและพร้อมร่วมมือกับทุกพรรคการเมืองที่รักประชาธิปไตย อยากให้ประเทศมีทางออก จะได้ร่วมกันหารือสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศ”
แต่หลังฉาก พลันเมื่อมีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจยื่นสัมพันธไมตรีชั่วคราวมาให้พรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมกันรณรงค์ล้มร่างรัฐธรรมนูญ ในวงหารือไม่เป็นทางการของพรรคเพื่อไทย ได้ประเมินท่าที การทอดไมตรีของ “พรรคประชาธิปัตย์” ไว้ว่า จะแฝงเร้นด้วยเหลี่ยมการเมืองที่เคลือบความจริงใจมากแค่ไหน คำตอบที่ได้คือ “ยังไม่น่าไว้วางใจ”
เพราะสิ่งที่ “นิพิฏฐ์” ออกมาทำท่าทีเชื้อเชิญพรรคเพื่อไทย สวนทางท่าทีของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงความเห็น “เป็นบวก” ต่อ กรธ.กรณีเพิ่มอำนาจการชี้ขาดทางการเมืองให้ศาลรัฐธรรมนูญ
ดังนั้น ในวงลับ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ยังอยู่ในระดับ “ไว้ใจยาก” แม้ในยามนี้ที่พรรคเพื่อไทยต้องการพันธมิตรทางการเมืองก็ตาม
“ประเด็นไหนที่ได้ประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์เขาก็จะเห็นด้วย ดังนั้น การที่พรรคเพื่อไทยจะไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะถ้าไปอ้าแขนรับแล้วพรรคประชาธิปัตย์ไม่มาร่วมด้วยจะมีปัญหา” แหล่งข่าวกล่าว
แม้จะไม่ไว้ใจพรรคประชาธิปัตย์ และหัวขบวนที่ชื่อ “อภิสิทธิ์” แต่ในวอร์รูมประเมินสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ได้หยิบยกประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์ “คิดเหมือน”-“คิดตรง” กับพรรคเพื่อไทยอยู่ 3 เรื่อง 1.ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอา คปป. ครั้งนี้ไม่เอานายกฯคนนอกเช่นเดียวกัน
2.ไม่เห็นด้วยกับที่ให้พรรคการเมืองเสนอชื่อแคนดิเดต นายกฯ 3 คน เพราะเปิดช่องนายกฯคนนอก 3.ไม่เห็นด้วยกับระบบเลือกตั้งแบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” รวมถึงใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวได้ทั้งสามอย่าง
แม้ว่าการเป็นพันธมิตรชั่วคราวระหว่างพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์จะยังไม่เกิดขึ้น และอาจเป็นเรื่องฝันมากกว่าจริง
แต่หลังจาก กรธ.เปิดเผยร่างรัฐธรรมนูญ 29 มกราคมนี้ พรรคเพื่อไทยไม่รอให้พรรคประชาธิปัตย์มาจับมือ โดยเตรียมทำแคมเปญให้อดีต ส.ส.ลงไปอธิบายเรื่อง
ร่างรัฐธรรมนูญให้กับประชาชนในพื้นที่ บ่มเชื้อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญไว้ตั้งแต่ตอนนี้ถึงวันลงประชามติไว้ล่วงหน้า
ในวงลับเพื่อไทย วิเคราะห์การเมืองว่า หากปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ และมีผลบังคับใช้ ระบบเลือกตั้งแบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ก็จะเป็นเครื่องมือสกัดพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ
เพราะเมื่อพรรคได้คะแนนเขตมากก็ไปตัดคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ลงไปจำนวนมาก ทำให้จำนวน ส.ส.จะกระจายไปยังพรรคขนาดกลาง หวังให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีพรรคใดได้คะแนนที่นั่ง ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง ต่อยอดถึงการเลือกนายกฯคนนอก จึงต้องรณรงค์ให้ “คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ”
ใน “วงลับ” วงเดิมยังวิเคราะห์ต่อว่า แต่ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านเป็นคำรบสอง คสช.ต้องรับผิดชอบตัวเอง จะไม่มีการตั้งคณะกรรมการไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นรอบที่ 3 เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไปสัญญาไว้กับประชาคมโลกว่าไทยจะเลือกตั้งกลางปี 2560
มีทางเดียว-ตัวเลือกเดียวเท่านั้น ที่พรรคเพื่อไทยอ่านเกม คือ ทั้งประชาคมโลก และวิกฤตเศรษฐกิจทั้งในไทย ต่างประเทศ จะเป็นสองแรงบวก กดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้อง “ผ่าทางตัน” ตัวเอง แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อขยับโรดแมปอำนาจให้สั้นลง และนำรัฐธรรมนูญที่เคยใช้ในอดีตมาปรับแก้ ก่อนนำไปประกาศใช้
ขณะที่อีกหนึ่งเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ “องอาจ คล้ามไพบูลย์” กล่าวในฐานะรองหัวหน้าพรรคว่า ยังไม่เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม ต้องรอให้ถึงวันที่ 29 มกราคม
ที่ร่างแรกรัฐธรรมนูญจะออกมาก่อนถึงจะให้ความเห็นได้ ซึ่งความเห็นที่ออกมาก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยปน ๆ กันอยู่ และคิดว่า กรธ.คงจะรับรู้ถึงความเห็นต่าง ๆ ที่ออกมาสู่สาธารณะ
“ถ้าคสช.เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองสามารถประชุมพรรคได้เพื่อแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญจะดีกว่า เพื่อให้มีการส่งความเห็นของพรรคไปอย่างเป็นทางการ แต่ขณะนี้ความเห็นที่ออกมาเป็นความเห็นส่วนตัว ซึ่งทำให้เกิดความสับสน”
ส่วนจะมีโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยจะจับมือกัน เพื่อแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นเดียวกันหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะยังไม่ทราบว่ามติของพรรคเป็นอย่างไร
ส่วนจะมีโอกาสพักรบกับพรรคเพื่อไทยเพื่อแสดงออกถึงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ “องอาจ” กล่าวว่า “ทุกวันนี้ก็ไม่ได้รบอะไรกัน”
ท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ของพรรคประชาธิปัตย์อาจแปลความได้ว่าแม้ไม่ได้เป็นแนวร่วมทางยุทธวิธี แต่ก็เป็นแนวร่วมชั่วคราว
ข่าวการรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญจะยิ่งกระพือต่อเนื่อง ทั้งที่ความเป็นจริง แม้ว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ แต่ คสช.ก็ไม่เคยเปิดเกมว่าจะร่นโรดแมปให้เร็วขึ้นอาจด้วยเหตุผลที่บอกคนทั้งโลกไม่ได้