เหยี่ยวถลาลม : เคยอ้างเป็น‘คนกลาง’

ตอนแรกที่มาก็ “สัญญา” ว่าขอเวลาไม่นาน

เป็นคนกลาง ไม่มีเอี่ยว ไม่เกี่ยวข้องพัวพันในความขัดแย้งใดๆ ไม่ฝักใฝ่ ไม่ทะเยอทะยานอยาก หากแต่มาด้วยความจำเป็น ถึงขั้น “จำใจ” แบกทุกข์หนักหนาสาหัส

จากนั้นก็ใช้ความเป็น “คนกลาง” ถือสิทธิ ใช้ฤทธิ์เดชควบคุมกำกับพฤติกรรมผู้คนทั้งหมด โดยอ้างว่า ทำเพื่อให้ “สงบ” ลงก่อน ฟื้นฟู เยียวยา หันหน้าเข้าหากัน ปรองดอง สมานฉันท์ แล้ว “ความสุข” ก็จะคืนกลับมา

ใช้เวลาอยู่นานทีเดียว จนกระทั่งความเป็น “คนกลาง” ค่อยๆ จางหายไป พร้อมๆ กับให้เขียน “กติกา” ขึ้นมาใหม่

Advertisement

“กติกาใหม่” ไม่ใช่ทางสายกลาง !

กติกาใหม่กลายเป็น “ทาง” ที่เกื้อกูลให้แก่คนที่เคยอ้างว่าเป็น “คนกลาง”

คนที่เคยอ้างว่าเป็น “คนกลาง” เริ่มเผยความในใจ

Advertisement

“ผมสนใจการเมือง” !

เกิดอารมณ์ฝักใฝ่ ทะยานอยาก

มีขบวนการ “สนับสนุนคนกลาง” เกิดขึ้นดังดอกเห็ด

ทีเด็ดสุดคือ มี “พรรคการเมือง” เกิดขึ้นในคณะรัฐบาล พร้อมประกาศสนับสนุน “คนกลาง”

ซ่อนเร้นอำพรางมานาน !

“เวลา” ที่เคยขอว่า “ไม่นาน” ล่วงผ่านไปปีแล้ว ปีเล่า

แม้ว่าจะยาวนานเกินกว่า “วาระโดยชอบ” ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็พลิกพลิ้วชิวหาไปได้เรื่อยๆ

ในอุษาคเนย์นี้ มีนิทานเล่าขาน

ที่ฟิลิปปินส์ เรียกว่า “ฮวนปูซอง”

อินโดนีเซีย มาเลเซีย เรียกว่า “อาบูนาวัส”

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรียกว่า “เชียงเมี่ยง”

เวียดนามกับกัมพูชา เรียก “ธนัญชัย”

ส่วนที่ประเทศไทยเรียกว่า “ศรีธนญชัย”

ในด้านที่ชื่นชม “ศรีธนญชัย” เป็นชายที่มีปัญญาประดุจอาวุธ เป็นคนเฉลียวฉลาด มากด้วยกลอุบาย

แต่ใน “ด้านมืด” นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ศรีธนญชัย” เป็นตัวแบบของความปลิ้นปล้อนตลบตะแลง

แม้จะมากด้วยมุขตลกชวนครื้นเครง แต่ก็เป็น “ขำโหด” ที่เต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบคู่แข่ง เอาชนะฝ่ายตรงข้ามด้วยการข่มเหงรังแก

ถ้าว่าฉลาดก็ฉลาดแกมโกง ใช้ไหวพริบปฏิภาณเอาตัวรอดหรือเอาชนะโดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม

ด้วยระบบการศึกษาที่อบรมบ่มเพาะให้รู้จักคิด ใช้เหตุผล คิดเป็น ทำเป็น คิดชอบ ประพฤติชอบ และด้วยพัฒนาการ
ทางวัฒนธรรมไทยและศีลธรรมอันดีที่ควรปฏิบัติ

ควรหรือไม่ที่จะชื่นชมคนที่มุ่งเอาชนะผู้อื่นอย่าง “ศรีธนญชัย” !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image