“ตู่ดิจิทัล”เปิดใจ น้อมรับเสียงติเตียน ชวนคนไทยกดไลค์ ลั่นจะอดทน พยายามไม่ฟ้องใคร

“ตู่ดิจิทัล”เปิดใจ น้อมรับเสียงติเตียน ชวนคนไทยกดไลค์ ลั่นจะอดทน พยายามไม่ฟ้องใคร วอนวิจารณ์ด้วยจิตสำนึก หลังชาวโซเชียลถล่มด่าเพียบ

เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 16 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีเปิดเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวและสื่อโซเชียลมีเดียช่องทางอื่นๆ ว่า ถือเป็นมือใหม่ วันนี้เห็นถามแต่เรื่องเฟซบุ๊ก ก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หลักหรือรองอะไร วันนี้ก็ต้องเป็นตู่ดิจิทัลบ้าง เพราะเรากำลังเดินหน้านโยบายไทยแลนด์ 4.0 ตนเองเป็นเบบี้บูมเมอร์ ดังนั้น วันนี้จึงต้องใช้ให้เป็น แสดงให้เห็นว่าตนพยายามปรับตัวไม่ใช่มาทำเพราะรัฐบาลอยู่มา 4 ปี ในเมื่อการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ตนก็ต้องปรับตัวเองเหมือนกัน ที่ผ่านมาตนให้ทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ตนได้หมด เปิดไปดูมีทั้งชมมีทั้งว่าอะไรต่างๆ ตนก็ต้องการเปิดเวทีตรงนี้ให้ทุกคนได้ติได้ชมตน อะไรที่เป็นประโยชน์จะรับมาพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสม และวันนี้ตนได้สั่งหน่วยราชการต่างๆ ขอให้ทำอะไรให้เกิดผล เพราะบางทีชี้แจงไปแล้วคนไม่ค่อยได้สนใจจึงต้องสนใจเรียนรู้ว่าสังคมดิจิทัลเป็นอย่างไร

นายกฯ กล่าวว่า โซเชียลมีเดียถือว่าเป็นช่องทางการสื่อสารอีกช่องทางหนึ่งในการสื่อสารกับประชาชน ตนก็ต้องทำตัวให้ใจกว้างมากขึ้น ยอมรับในข้อติเตียน ขออย่างเดียวขอให้สุภาพหน่อยแล้วกัน บางทีใช้คำไม่ค่อยสุภาพไม่เหมาะสม เยาวชนก็ติดตามเรียนรู้อยู่ ลูกหลานของเราทั้งนั้น เพราะฉะนั้นข้อสังเกตที่บอกว่าชอบหรือไม่ชอบตนนั้นอย่างไรคนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ว่าจะพูดอะไร หรือทำอะไรดีๆ ก็ไม่ชอบอยู่ดี จึงต้องไปดูว่าสิ่งที่เขาติใช่ข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้าใช่เราก็แก้ไขเสีย ส่วนอะไรที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเราก็ชี้แจงได้

“การทำงานครั้งนี้ ผมก็ไม่ได้ใช้งบประมาณมากมาย หลายคนก็เปิดทั้งเวปไซต์ เฟซบุ๊ก ไอจี อะไรต่างๆ ก็เปิดกันเยอะแยะ ไม่เห็นจะเสียงสตางค์อะไรมากมาย ก็ทำได้หมด เชิญเข้าไปกดไลค์กันด้วยนะ เข้าไปให้ข้อเสนอแนะ คำว่าไลค์ของผม ตัวผมเคยพูดมาตั้งนานแล้ว พอกดปุ๊บมันไลค์ทันที ชอบเลยทันที แต่คนด่า เขียนแสดงความคิดเห็น เพราะฉะนั้นทั้งไลค์และอันไลค์ ก็ต้องมีเหมือนกัน ก็ขอให้ติชมในสิ่งเป็นประโยชน์ ไม่หยาบคาย อะไรที่ไม่เข้าใจ ถ้าผมตอบได้ก็จะตอบ โดยให้คณะทำงานของผมคือนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ติดตามเรื่องเหล่านี้ แล้วสรุปมาให้ผมทราบทุก 3-5 วัน ว่าอะไรที่ผมควรตอบเอง ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเขียนตอบลงไป โดยตัวของผมเอง แล้วให้เขานำข้อความนี้ไปใส่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า การเปิดเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวเหตุใดจึงไม่มียศนำหน้า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีหรือไม่มียศ ทำต้องสงสัยกันขนาดนี้ บางทีเขาขี้เกียจจิ้มไง อย่างไรก็ตาม ยศตนก็มีอยู่ แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว ตนภูมิใจในการที่ตนมียศ ทีคนที่แต่งงานแล้ว ยังใช้นางสาวได้เลย แต่การเปิดเพจดังกล่าวเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ก็ใช้ชื่อให้สั้นกระชับที่สุด

เมื่อถามว่า การเปิดเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว เป็นการหาเสียงเอาเปรียบพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “แล้วพรรคอื่นไม่เปิดหรือออย่างไร ให้ความเป็นธรรมกับผมบ้าง ไม่ใช่การหาเสียง จะหาเสียงอย่างไรให้คนรัก แต่นี่หาเสียงให้คนด่าด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นกรุณาเบาๆ ลงกันหน่อย ผมต้องการให้สังคมได้เรียนรู้ว่าจะอยู่กันอย่างไร ในสังคมวันนี้คือสังคมโซเชียลมีเดีย คงต้องมองด้วยความเป็นธรรม”

เมื่อถามว่า มองอย่างไรถึงการลงพื้นที่พบประชาชน ของผู้สมัครรับการหยั่งเสียงผู้ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการใช้กิจกรรมภายในมาหาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายพรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมือง ผู้สมัครรับการเลือกตั้ง หรือแม้แต่การหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เขาก็มีกันหมด กิจกรรมปราศรัยก็อยากให้เข้าใจว่า ผมก็ปรับตัวให้ทันสถานการณ์ วันนี้คสช. ก็อนุโลมไปหลายรายการ หลายอย่างด้วยกัน ตราบใดที่ยังไม่ทำให้เกิดความรุนแรง หรือมีผลกระทบกับการบริหารราชการแผ่นดิน อะไรที่พออนุโลมได้ เราก็จะอนุโลมให้ จะเห็นได้ว่าหลายพรรคการเมือง ทั้งเก่าและใหม่ก็ไปเดินทั่วไปหมด ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ารัฐบาลไปปิดกั้นอะไรกันอีก อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ต้องสร้างการรับรู้จากประชาชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ช่วยกันพูดหน่อยแล้วกัน ว่ารัฐบาลไม่ได้ไปปิดกั้นใคร จนกระทั่งขยับหรือกระดิกอะไรไม่ได้เลย แต่เราจะต้องพิจารณาให้เหมาะสม

Advertisement

เมื่อถามว่า ตามที่นายกฯ ประกาศว่าสนใจงานการเมือง มีการประเมินเสียงตอบรับจากประชาชนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนก็ติดตามมาโดยตลอด การจะตอบรับหรือไม่รับของประชาชนเป็นเรื่องที่ตนต้องตัดสินใจเอง ถ้าตนจะทำงานทางการเมืองต่อไป จะทำได้อย่างไร เหตุผลความจำเป็นของตนและชาติบ้านเมืองที่สำคัญคืออะไร นั้นคือสิ่งที่ตนตั้งเจตนารมณ์ไว้ สิ่งสำคัญที่สุดเราจะปฏิรูปต่อไปได้อย่างไร การนเดินหน้ายุทธศาสตร์ชาติจะทำได้อย่างไร โดยไม่ถูกกล่าวหาว่าสืบทอดอำนาจ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งตนระมัดระวังอย่างที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนท้ายของการแถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำกับสื่อมวลชนว่า “อย่าลืมไลค์ให้ผมด้วย” ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหลังจากเปิดตัวสนใจการเมืองและทำโซเชียลมีเดียเชิงรุกแล้ว ส่วนตัวจะมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมปรับตัวเอง ว่าจะต้องมีความโปร่งใส สุจริต มีเจตนาอันบริสุทธิ์ มีเจตนารมณ์ทางการเมืองที่มีธรรมาภิบาล ซึ่งผมเปลี่ยนไม่ได้ แต่ถ้าผมได้อยู่และหากทุกคนจะเข้ามาร่วมกับผม ก็จะต้องทำตามผม จะให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นแบบเดิมอีกไม่ได้ อย่าลืมว่านายกฯมีอำนาจมากพอสมควร เราจะต้องตั้งหลักให้มั่น ว่าการเป็นนายกหรือรัฐบาล ต้องทำเพื่อประชาชน หลักการของเราคือ มีประชาชนเป็นศูนย์กลางเสมอ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง“

“ช่องทางการสื่อสารที่เปิดขึ้นมาใหม่ เพื่อรับฟังความคิดเห็น บางเรื่องที่ไม่ถูกใจ มีการเสนอแนะขึ้นมา ผมยินดีที่จะตอบ อะไรที่ทำแล้วเกิดความเสียหาย หรืออะไรที่ทำได้ก็จะรีบเพิ่มให้ มีอะไรก็ขอให้สอบถามมาทางเว็บไซต์ที่ผมเปิดมา ทางเว็บไซต์ Facebook Instagram ผมพยายามเรียนรู้และตอบทุกคำถาม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการเปิดโซเชียลมีเดียของตัวเองจะทำให้นายกฯอารมณ์เสียขึ้นหรือไม่ เนื่องจากมีเสียงติติงจำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่ แล้ววันนี้ผมพูดแบบนั้นหรือไม่ ผมพูดดีไหมล่ะ อารมณ์ดีหรือไม่ เสียงนุ่มนวลไพเราะไหม แต่บางครั้งต้องเห็นใจผมบ้าง เพราะการทำงานบางครั้งก็ว้าวุ่น เพราะมีเรื่องเยอะหลายเรื่องทำไปแล้วก็ไม่จบ เพราะไม่เข้าใจ หลายเรื่องทำไปก็มีปัญหาบางเรื่องปัญหาเดิมๆก็ทับซ้อน ถ้าทุกคนไม่ปรับตัว มันก็ไม่ได้ ขอร้องทุกคนอย่าทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมาอีก ปัจจุบันที่มีการปรับปรุงกฎหมายก็เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความเป็นสากลและทันสมัย “

เมื่อถามว่า เห็นที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอดีตนายกฯ แสดงความเห็นใน Instagram ส่วนตัวหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คอมเม้นต์กันไปเถอะ และขอขอบคุณ ใครให้กำลังใจผม ผมให้กำลังใจเขา ผมไม่ใช่ศัตรูของใคร ใครมีปัญหาอะไรทางกฏหมาย ก็ไปต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเขาให้โอกาสอยู่แล้ว ผมไปสั่งใครไม่ได้ ที่ผ่านมา ผมทำตามข้อมูลและหลักฐานเดิมๆ ปล่อยให้ทุกคนทำตามอิสระ ทำไมผมจะต้องก้าวล่วงเขา“

เมื่อถามว่าการวิจารณ์ที่รุนแรงจะถือว่าเป็นความผิดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าจะเอาผิดก็ทำได้ทั้งหมด เพราะมีคอมเม้นต์หยาบคายหลายคอมเม้นต์ เรื่องนี้อยู่ที่จิตสำนึก ลูกหลานมาอ่านแล้วเขาจะว่าอย่างไร คุณต้องการให้ลูกหลานของคุณเป็นอย่างนี้เหรอ ใช้คำผรุสวาท คำหยาบคายคำด่าพ่อล้อแม่ มันไม่สมควร ทำไมไม่ทำให้ digital ของเราพัฒนา ไปสู่ช่องทางการสื่อสารที่บริสุทธิ์ เพื่อที่เด็กและเยาวชน จะได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นได้ ทุกคนช่วยเรื่องนี้ได้ บอกแล้วว่าถ้าชอบผมมากๆ อีกพวกก็จะออกมาด่าผมมากขึ้น หรือบางพวกชอบผม ก็ไปด่าคนอื่น แต่ก็รับได้ เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า ก็จบ เรื่องนี้ต้องทำใจ ผมไม่โกรธใครทั้งนั้น ถ้าโกรธผมก็คงไม่บอกใคร”

เมื่อถามย้ำว่าถ้ามีการด่าทอจะฟ้องร้องหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเคยฟ้องร้องใครหรือไม่ แต่ก็แล้วแต่ ถ้าเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ก็ไม่ได้ เหมือนกับทุกคน ถ้าใครมาดูหมิ่น จะได้หรือไม่ล่ะ ถ้าไปพูดหรือเขียนในสิ่งที่ไม่ใช่ บิดเบือนอย่างชัดเจน มีมากเข้า ตนจะยอมได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่จะทนให้ถึงที่สุด ก็แล้วกัน เพราะเป็นนายกนี่นา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกันนี้หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลง Instagram เป็นครั้งแรกร่วมกับทีมหมูป่าฯ จากนั้นนายพานทองแท้ แสดงความคิดเห็นทันทีว่า “เวลาลุงไม่ฉุน ลุงก็น่ารักดีนะเนี่ย” พร้อมสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์มือไอเลิฟยู

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image