“คณิน” โวยร่าง รธน.“มีชัย”ยกมาจากที่เคยร่างยุคพฤษภาทมิฬ ลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

เมื่อวันที่ 24 มกราคม นายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร.ปี 40 กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกของ กรธ.ว่า เท่าที่ดูใน บททั่วไปซึ่งเป็นแม่บทของรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ก็รู้แล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะเดินไปในทิศทางใด ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ในบททั่วไปมีแค่ 5 มาตรา เมื่อเทียบกับรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 ซึ่งมีอยู่ 7 มาตรา แสดงว่าหายไป 2 มาตรา โดย 2 มาตราที่หายไป อันแรก คือ มาตรา 7 ที่ “ให้วินิจฉัยการกระทำใดที่ไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ซึ่ง กรธ. ได้แจงแล้วว่าเอาไปไว้ในหมวดศาล เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด ซึ่งเท่ากับเป็นการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือระงับใช้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญบางมาตราได้ตลอดเวลานั่นเอง

นายคณินกล่าวต่อว่า ที่หายไปอีก หนึ่งมาตรา คือ มาตรา 4 เดิม ที่บัญญัติว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง” ซึ่งเมื่อตัดข้อความในมาตรานี้ออกไป ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ก็จะมีบททั่วไปเหมือนกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2534 ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 และก็เป็นเรื่องบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2534 นายมีชัยก็เป็นประธานคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นความตั้งใจของนายมีชัยหรือเปล่าที่ตัดคำว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ออกไปเสียจากรัฐธรรมนูญ หรือจะให้พูดว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทยหรือ

นายคณินกล่าวว่า นอกจากในบททั่วไปของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะตัดคำว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ออกไปแล้ว ยังได้เพิ่มข้อความในวรรคสองของมาตรา 3 อีกด้วยว่า “รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนและความผาสุขของประชาชนโดยรวม” ซึ่งเท่ากับว่า ทั้งรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ซึ่งเป็นสามอำนาจอธิปไตย ต้องถูกลดฐานะลงมาเท่ากับองค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ และยังต้องถูกกำกับและควบคุมโดยองค์กรใดองค์กรหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย และตามหลักนิติธรรม

ดังนั้น ข้อความในวรรคสองนี้ จึงมีผลเป็นการลบล้างข้อความในวรรคหนึ่งที่ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” ไปโดยปริยาย และหากเกิดข้อสงสัยว่าการดำเนินการทั้งหมดของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาลไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญไม่เป็นไปตามกฎหมาย หรือไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ก็ต้องมีการตัดสินชี้ขาดอีกทีหนึ่ง ซึ่งตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดูเหมือนจะให้ศาลรัฐธรรมนูญมาทำหน้าชี้ขาด ถือเป็น “ตลกร้าย” ที่หัวเราะไม่ออก