กลายเป็นข่าวฮือฮาต่อเนื่อง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเพจเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha อย่างเป็นทางการ เท่ากับยอมรับโดยมติเอกฉันท์ในใจแล้วว่า ต่อไปนี้จะอยู่ในพื้นที่สาธารณะของโลกออนไลน์
เป็นการสื่อสาร 2 ทาง ทั้งขาไปและขากลับ ทั้งเสียงเยินยอปอปั้นและการถูกติเตียน ผสมโรงกันไป
มีการอ้างว่าเปิดเพจครั้งนี้ก็เพราะต้องการอยากทราบปัญหาของประชาชน แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่างๆ ยืนยันจะพยายามติดตามอ่านให้ได้มากที่สุด และยังกล่าวก่อนจะมีประชุม ครม.เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมด้วยว่า มีทั้งด่ามีทั้งชมก็เป็นเรื่องธรรมดา
นับว่านายกฯพร้อมรับมือทำใจมาแล้วในระดับหนึ่ง
นอกจากเฟซบุ๊ก ยังเปิด Instagram กับ Twitter ใช้ชื่อ Prayut Chan-o-cha ทั้งเว็บไซต์ www.prayutchan-o-cha.com การที่เคยบอกว่าสนใจงานการเมืองก่อนหน้านี้นั้น ภาพเริ่มคมชัดขึ้นมาว่า ได้เลือกปักธงการเมืองเพื่อก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 สถานเดียว
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ทีมงานรัฐบาลของนายกฯ เปิดเพจรองรับกิจกรรมและการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯและ ครม.ไว้ในเพจ ไทยคู่ฟ้า รวมทั้งเว็บไซต์ www.thaigov.go.th โดย ไทยคู่ฟ้า ที่เปิดมาตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2560 คนให้ความสนใจติดตามประมาณ 9 หมื่นคน แต่การกดไลค์-แสดงความคิดเห็นโดยเฉลี่ยไม่มากนัก
หรือเพจ ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก ร่วมโพสต์ภารกิจนายกฯ ก็มีคนเข้าร่วม พอหอมปากหอมคอ ยิ่งเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลทำเพจ สายตรงไทยนิยม ห้อยชื่อไว้ด้วยว่า สายตรงลุงตู่ ให้เหตุผลว่า เป็นช่องทางสำหรับประชาชนที่มีเรื่องเดือดร้อนหรือข้อเสนอใดๆ ในการแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน ได้สื่อสารถึงนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลโดยตรง มีทั้งโทรศัพท์สายด่วนและ เพจในเฟซบุ๊ก คนติดตามเพจประมาณ 23,000 คน
รวมทั้งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดเพจสนับสนุนนายกฯโดยตรง ขอล้าน Like สนับสนุนให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายก กลายเป็นกระแสที่โจษจันกันไปทั่ว ทราบกันดีว่าเป็นเพจสนับสนุนงานของ คสช.เป็นงานหลัก มีการตั้งโจทย์ใหญ่ให้คนร่วมแสดงความคิดเห็นที่ว่า คุณยังสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้บริหารบ้านเมืองต่อหรือไม่ ปรากฏว่าเสียงโหวตเกินครึ่งล้าน เกือบ 90% ไม่เห็นด้วย!
ยกตัวอย่างมาข้างต้นไม่เท่ากับกระแสฮอตเท่ากับเพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ใช้เวลาเพียง ไม่กี่ชั่วโมง มีคนกดไลค์-กดติดตามเพจ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเรือนหมื่นเป็นเรือนแสน พุ่งขึ้นที่ระดับ 2 แสนในเวลาไม่กี่วัน มีโอกาสที่คนติดตามสูงถึงระดับเลข 7 หลักได้เช่นกัน เหมือนกับเหล่าอดีตนายกฯคนก่อนหน้านี้
เพจ Yingluck Shinawatra ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีคนถูกใจเกิน 6 ล้าน คนติดตาม 5.9 ล้านปลายๆ ถ้าจะวัดกระแสความนิยมในตัวบุคคลทางการเมืองของเมืองไทยถือว่ามาอันดับ 1 ส่วนเพจ Thaksin Shinawatra ของพี่ชาย หรือ ทักษิณ ชินวัตร คนกดไลค์และติดตามเพจอย่างละ 2.6 ล้านคน เมื่อรวมคนกดไลค์ของ 2 พี่น้อง รวมกันที่ 8 ล้านคน
ขณะที่เพจ Abhisit Vejjajiva ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีคนร่วมติดตาม ยกนิ้วโป้ง ถูกใจ 2.8 ล้านราย และติดตามเพจ 2.2 ล้านราย
เช็กกระแสของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จัดเป็นพรรค ดาวรุ่งพุ่งแรง ตัวธนาธรประกาศชัดแต่แรกแล้วว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เปิดเฟซสำหรับเล่นการเมือง Thanathorn Juangroongruangkit-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนกดไลค์ไปแล้ว 1.27 แสนคน และติดตาม 1.39 แสนคน รวมทั้งเปิด Twitter ชื่อ Thanathorn Juangroongruangkit คนติดตามที่ 20.7K
ไม่ว่า ศึกเลือกตั้ง 2562 จะมีผลเลือกตั้งออกมาเช่นไร ยังเชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังคงอยู่ในสนามการเมืองต่อไป ในเมื่อฐานของคนรักคนเชียร์ยังอยู่เป็นกองหนุน เกิดจับพลัดจับผลู เป็นนายกรัฐมนตรีอีก 1 สมัย การสื่อสารบนโลกออนไลน์ก็จะเข้มข้นขึ้นไปสู่ในระดับสากลด้วยซ้ำ
เมื่อหันกล้องส่องมายังกลุ่มผู้นำชาติอาเซียน ส่วนใหญ่ก็ใช้ช่องสื่อสารออนไลน์ทั้งสิ้น
สมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เปิดช่องโชว์ภาพลักษณ์สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ กลายเป็น ลุงใจดี ไม่แพ้ ลุงตู่ คนกดไลค์ ติดตามเพจ Samdech Hun Sen, Cambodian Prime Minister อย่างละ 10.3 ล้านคน ช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่งผ่านพ้นการเลือกตั้งใหญ่ ยอดติดตามของชาวกัมพูชาถล่มทลาย เป็นโมเดลให้นายกฯไทยได้เลย
ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกฯมาเลเซียในวัย 92 ปี จับมือกับศิษย์ที่จับติดคุกมาแล้ว คือ อันวาร์ อิบราฮิม ทำงานเพื่อภารกิจใหญ่โค่นล้มนาจิบ ราซัค ศิษย์อีกคนที่บริหารงานรัฐบาลไม่โปร่งใสลงอย่างราบคาบ ในการเลือกตั้งใหญ่ พฤษภาคมที่ผ่านมา เพจของ ดร.มหาธีร์ Dr.Mahathir bin Mohamad ชาวมาเลเซียติดตามกันมากมาย ถูกใจและติดตามเพจอยู่ที่ 3.4 ล้าน และ 3.6 ล้านคน ตามลำดับ ขณะที่ นาจิบ ราซัค แม้จะมีข่าวการถูกควบคุมตัว ยังมีการโพสต์วิจารณ์และให้ความเห็นต่อการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบันผ่านเพจ Najib Razak ที่มีแฟนคลับติดตามอยู่ 3.5 ล้านคน
เมื่อส่องเฟซบุ๊ก LEE HSIEN LOONG ของ ลี เซียน หลุง นายกฯสิงคโปร์ เปิดเพจเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2555 มีคนถูกใจและติดตาม ที่ 1.2 ล้านคน จากประชากรทั้งเกาะประมาณ 5.4 ล้านคน เพจอัดเนื้อหาทั้งเรื่องหน้าที่ การงานและส่วนตัวที่อยากเล่าให้คนติดตามฟัง
ลีเคยให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มเล่นเฟซบุ๊ก ว่า เพราะเพื่อนๆ ต่างใช้โซเชียลเป็นปัจจัยที่ 5 เกี่ยวข้องทั้งชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน พอถูกเพื่อนๆ รบเร้าจนต้องเปิดเพจของตัวเองในที่สุด
จากที่ดูพวกเขา ผมก็เลยตัดสินใจร่วมเล่นด้วย ลีกล่าวไว้ และพบอีกว่า ลีเล่น Instagram กับ Twitter มียอดติดตามหลายแสน
เพจ Presiden Joko Widodo ของโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนที่ 7 อดีตนายกเทศมนตรี กรุงจาการ์ตา มียอดติดตามสูงลิบลิ่ว 8.8 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 264 ล้านคน ไม่นับการร่วม Instagram Twitter และคลิปวิดีโอผ่านช่อง Youtube ที่นำเสนอภารกิจ มีคนติดตาม 6.8 แสนกว่าคน
ขณะที่เพจ Rody Duterte ของ โรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เล่นเฟซบุ๊กสื่อสารกับประชาชนตากาล็อกเป็นหลัก มาตั้งแต่เป็นนายกเทศมนตรี เมืองดาเวา บนเกาะมินดาเนา ยอดคนกดไลค์และติดตาม อย่างละ 4.3 ล้านคน
ส่วนเพื่อนประเทศเวียดนาม เหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2559 ใช้เฟซบุ๊กของรัฐบาลเผยแพร่ข่าวสาร ผ่าน Thong tin Chinh phu คนติดตามประมาณ 2.4 แสนคน แบบเบาะๆ รวมทั้งเพจ Dien dan canh tranh quoc gia เหตุผลหนึ่งที่รัฐบาลเวียดนามเปิดข่าวสารผ่าน โซเชียลมีเดียเพื่อส่งสัญญาณให้เห็นว่า สื่อสังคมออนไลน์จะส่งสารเข้าสู่ประชาชนได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องมากยิ่งขึ้น
สำหรับ สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาเลาะห์ ทรงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศบรูไนที่มีประชากร 4 แสนกว่าคน หลายเพจนำเสนอข่าวของพระองค์เป็นไปโดยปกติ มีผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
ขณะที่ อู วิน มินต์ ประธานาธิบดี เมียนมาคนใหม่ได้รับเลือกจากที่ประชุมรัฐสภาเมียนมาเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา ทำเนียบรัฐบาลเมียนมาดูแลภาพลักษณ์และภารกิจของผู้นำผ่านเพจ Myanmar President Office เป็นภาษาเมียนมาล้วนๆ มีคนติดตามเพจ 1.6 ล้านคน ส่วน ทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้เพจ Support Prime Minister Thongloun Sisoulith ขับเคลื่อนข่าวคราวของนายกฯ รัฐบาลและความเป็นไปของบ้านเมืองโดยภาพรวม ท่ามกลางคนติดตามเพจ 2 แสนกว่าราย
เป็นโอกาสอันเหมาะเหม็งแล้ว ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะปรับยุทธวิธีการให้เป็นที่นิยมของประชาชนในช่วงเวลานี้ และไม่ยอมตกหล่นกับขบวนโลกออนไลน์อย่างเด็ดขาด