คอมเมนต์จุดยืน ‘บิ๊กแดง’ ‘ไม่จลาจล-ไม่ปฏิวัติ’

แฟ้มภาพ

หมายเหตุ – ความคิดเห็นของนักวิชาการและนักการเมือง กรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงจุดยืนและท่าทีเรื่องการรัฐประหาร โดยระบุว่าหากการเมืองไม่ออกมาจลาจลจนเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง ก็ไม่เกิดการรัฐประหาร


จาตุรนต์ ฉายแสง
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)

การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของ พล.อ.อภิรัชต์ถือเป็นทัศนคติที่คล้าย ผบ.ทบ.ในอดีตหลายคน การไม่รับปากว่าจะไม่ทำรัฐประหารในเวลานี้นั้น ส่งผลกระทบต่อการลงทุน โดยนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนานาชาติ จะขาดความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย อันจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

เหตุผลที่ พล.อ.อภิรัชต์ไม่รับประกันว่าจะไม่ปฏิวัติ หมายถึงว่าหากเกิดจลาจล ความวุ่นวาย ก็จะทำรัฐประหาร นับเป็นการสร้างเงื่อนไขให้ประเทศไทยต้องอยู่ภายใต้การปกครองของผู้นำกองทัพตลอดไป เพราะการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งหากกองทัพปล่อยให้เกิดความวุ่นวายขึ้น การจลาจลก็เกิดขึ้นโดยง่ายดาย สุดท้ายก็จะนำมาซึ่งข้ออ้างเข้ายึดอำนาจ นั่นหมายถึงผู้นำกองทัพจะยึดอำนาจเมื่อใดก็ได้

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่า พล.อ.อภิรัชต์ต้องการส่งสัญญาณทางการเมืองในอนาคต เพียงแต่อยากอธิบายความเข้าใจในอดีต และเป็นการอธิบายที่ผิด เพราะบอกว่าปัญหาที่ต้องรัฐประหาร เกิดจากพรรคการเมืองและนักการเมือง ทั้งที่จริงแล้วเกิดจากการสมคบกันของหลายฝ่าย ที่มีส่วนร่วมในการสร้างเหตุ จากนั้นจึงมีข้ออ้างในการทำรัฐประหาร

สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์พูด แม้ไม่ได้ต้องการส่งสัญญาณทางการเมืองไปข้างหน้า แต่กลับมีผลต่อการเมืองข้างหน้าอย่างมาก เพราะทำให้เห็นว่าไทยจะยังไม่มีเสถียรภาพและไม่มีหลักประกันความยั่งยืนของประชาธิปไตย ดังนั้น ผบ.ทบ.ควรหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองให้มาก เพราะจะเป็นผลเสียต่อบรรยากาศทางการเมือง การลงทุน การพัฒนาประชาธิปไตย และยังเป็นผลเสียต่อ ผบ.ทบ.และกองทัพเอง

สำหรับการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 เชื่อและหวังว่า พล.อ.อภิรัชต์ต้องการวางตัวเป็นกลาง ติดตรงที่ พล.อ.อภิรัชต์
มีอีกตำแหน่งคือเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีอำนาจแทรกแซงการเลือกตั้ง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. คือแคนดิเดตนายกฯ อาจทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ไม่สามารถวางตัวเป็น
กลางได้ จึงอยากให้ พล.อ.อภิรัชต์เข้าใจเรื่องนี้และไม่ตกเป็นเครื่องมือของ คสช.แต่ควรทำประโยชน์ต่อบ้านเมือง

Advertisement

อยากให้ผู้นำกองทัพทำความเข้าใจว่าตนเองมีสถานะเป็นผู้นำเหล่าทัพที่มีเกียรติ มีภาระหน้าที่ ไม่ควรยอมเป็นเครื่องมือของ คสช.ในการจะส่งเสริมการสืบทอดอำนาจ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพ แม้คำพูดของ พล.อ.อภิรัชต์จะไม่มีผลต่อการเลือกตั้งมากนัก แต่จะมีผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองในอนาคต เพราะคนจะสร้างเงื่อนไขให้เกิดรัฐประหารโดยง่าย หากต้องการให้มีการยึดอำนาจก็จะก่อความวุ่นวาย จากนั้นแทนที่ ผบ.ทบ.จะช่วยให้เกิดความสงบ กลับยึดอำนาจ

จึงอยากให้ทำความเข้าใจว่าประเทศนี้ต้องการประชาธิปไตย ควรศึกษาประชาธิปไตย และความต้องการของคนทั่วโลก

นพ.เหวง โตจิราการ
แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน
เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

กรณี พล.อ.อภิรัชต์ระบุว่าหากการเมืองไม่เป็นต้นเหตุการจลาจล ถ้าไม่เกิด ก็ไม่มีอะไร คือ พล.อ.อภิรัชต์ยืนยันว่า ถ้าไม่มีความขัดแย้งทางการเมืองจนถึงขั้นเป็นจลาจล ก็ไม่มีการรัฐประหาร หรือความนัยที่ซ่อนอยู่ก็คือ ถ้ามีความขัดแย้งทางการเมืองจนถึงขั้นเป็นจลาจล ก็จะเกิดการรัฐประหาร อยากขอเรียน พล.อ.อภิรัชต์ด้วยความเคารพว่า สัจธรรมคือการเมืองต้องแก้ปัญหาด้วยการเมือง การทหารไม่สามารถแก้ปัญหาทางการเมืองภายในประเทศได้ และการใช้การทหารแก้ปัญหาทางการเมืองภายในประเทศมักนำไปสู่ปัญหาที่สาหัสมากยิ่งขึ้น การแก้ปัญหาที่ต้องการทำลายระบอบทักษิณ โดยการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อปี 2549 กลายเป็นว่า ปัญหาความขัดแย้งยืดยาวมาจนต้องรัฐประหารซ้ำปี 2557 และก็ไม่มีหลักประกันใดๆ ที่ปัญหาระบอบทักษิณจะหมดไป หรือจะต้องทำรัฐประหารซ้ำอีกหรือไม่ หากทำรัฐประหารซ้ำอีกยิ่งสร้างความขัดแย้งแตกแยกที่ร้าวลึกมากยิ่งๆ ขึ้นไปอีก

ภารกิจของกองทัพไม่ใช่ทำการยึดอำนาจรัฐประหาร โดยอ้างเหตุที่จะยุติการจลาจล หรือไม่ว่าจะอ้างเหตุใดก็ตาม ไม่มีอารยประเทศใดๆ ในโลกปัจจุบันที่ผู้นำกองทัพยึดอำนาจรัฐประหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนลงไป ดังนั้น ทหารต้องไม่ทำการรัฐประหาร ทหารต้องไม่เข้ามาแทรกแซงการเมือง ไม่ว่าจะมีเหตุประการใดก็ตาม ทหารและกองทัพมีหน้าที่ในการปกป้องรักษาอธิปไตยของประเทศ และสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จากการรุกรานของข้าศึกศัตรูต่างชาติเท่านั้น

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์

การที่ พล.อ.อภิรัชต์ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของกองทัพ ก็เป็นการแสดงบทบาทสถานะที่ดีของกองทัพ เพราะกองทัพถือเป็นหน่วยงานราชการที่ต้องสนองต่อนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็ตาม เพราะถือว่าเป็นกลไกของรัฐอันหนึ่ง ดังนั้น การที่ท่านแสดงบทบาทสถานะตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นแล้วว่า เป็นการวางตัวเป็นกลางของกองทัพ ซึ่งคิดว่าเป็นสถานะที่ชัดเจน และทำให้คนมองกองทัพในภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ก็มีข้อวิจารณ์ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันอาจจะเกี่ยวข้องกับบรรดาผู้นำเหล่าทัพต่างๆ เป็นสายในเรื่องของบูรพาพยัคฆ์ เป็นต้น แต่การออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่มีความชัดเจนแบบนี้ จะทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพดีขึ้น

การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ค่อนข้างเคลียร์ทุกข้อในเรื่องของกองทัพกับรัฐบาล และเรื่องบทบาททิศทางต่างๆ ในอนาคต แม้ว่าจะรวมถึงคำถามเรื่องโอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารมีความเป็นไปได้หรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ก็บอกว่าตรงนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการเมืองและสังคมว่าจะเกิดความวุ่นวายต่างๆ หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ทำให้เราต้องย้อนกลับไปมองเรื่องการพัฒนาประชาธิปไตยพอสมควร เพราะในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเราไม่ได้เห็นเรื่องการพัฒนา การแก้ปัญหา และการปรับปรุงประชาธิปไตยให้ดีขึ้น เมื่อเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้น ทำให้มีโอกาสที่จะกลับเข้าสู่ความขัดแย้งเหมือนในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาได้ ซึ่งตรงนี้เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่จะทำให้เกิดการรัฐประหารในอนาคตได้

ผมมองว่าการรัฐประหารมีโอกาสเกิดขึ้นได้โดยตลอดอยู่แล้ว โดยเงื่อนไขเรื่องความเข้มแข็งของประชาธิปไตย และในแง่ของความคิดทางการเมืองของผู้คนในสังคม วันนี้ก็ยังแบ่งเป็นสองกลุ่มหลักๆ อยู่ การพูดคุยหารือกันเพื่อลดความขัดแย้งต่างๆ ก็ยังไม่เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น ความเสี่ยงของการเกิดรัฐประหารก็มีความเป็นไปได้อยู่แล้ว และเกิดขึ้นได้ตลอดในสังคมที่ประชาธิปไตยยังไม่ตั้งมั่นเหมือนประเทศไทย

หากมองในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ผบ.ทบ.หลายท่านจะบอกว่า ไม่ทำรัฐประหารแต่สุดท้ายบางท่านก็ยังทำรัฐประหาร เป็นเรื่องที่เห็นกันในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ดังนั้น การที่ ผบ.ทบ.ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ผมคิดว่าเป็นการยอมรับความจริง ว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าประชาธิปไตยยังไม่เข้มแข็งคนในสังคมยังมองประชาธิปไตยด้วยอุดมการณ์และความคิดต่างกันอยู่ มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาความขัดแย้ง พอถึงตอนนั้นมีโอกาสที่เกิดรัฐประหาร

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

ผมยืนยันว่าไม่ต้องการเห็นสังคมที่มีการทำรัฐประหารอีก และการใช้คำโกหก หรือข่าวลวงที่ทำให้ประชาชนเกิดความเกลียดกลัวกัน เป็นข้ออ้างในการสร้างบรรยากาศไปสู่การทำรัฐประหาร ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ยืนยันจะพยายามเต็มที่ไม่ให้ประเทศไทยเกิดการรัฐประหารขึ้นอีก
ในฐานะที่ก้าวเข้าสู่การเมือง จะไม่เป็นส่วนร่วมในการทำให้เกิดการจลาจล ในอนาคตตามที่ ผบ.ทบ.ระบุ เพราะเรายืนยันสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต และการชุมนุมโดยสุจริต เราจะยืนยันเรื่องหลักการไม่ใช้ความรุนแรง และพรรคยืนยันว่าจะไม่สร้างวาจาแห่งความเกลียดชังให้ประชาชนเกลียดกันเอง ดังนั้น ด้วยจุดยืนเหล่านี้ เราจะไปเป็นคนที่ทำให้เกิดความแตกแยกได้อย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image