การแยก แตกตัว พันธมิตร ใน ‘แนวร่วม’ ของ พรรคการเมือง

เพียงการปรากฏขึ้นของพรรคเพื่อธรรมก็สร้างความงุนงง เพียงการปรากฏขึ้นของพรรคเพื่อชาติก็สร้างความสงกา แล้วนี่ยังมีพรรคไทยรักษาชาติตามมาอีก

ถามว่าจะมองการเคลื่อนไหวนี้อย่างไร

ในเบื้องต้น หลายคนในพรรครวมพลังประชาชาติไทย หลายคนในพรรคพลังประชารัฐ อาจมองเห็นว่าเป็นความขัดแย้ง แตกแยก

แตกแยกเหมือนที่หลายคนหนีไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ

Advertisement

หากไม่แตกแยก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะดันหลัง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ให้มารับหน้าเสื่อเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อธรรมหรือ

หากไม่แตกแยกทำไมต้องมีพรรคเพื่อชาติ

เพียงเห็นชื่อ นายยงยุทธ ติยะไพรัช เพียงเห็นชื่อ นายสงคราม เลิศกิจไพโรจน์ เพียงเห็นชื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็รู้อยู่ว่าพวกนี้ต้องการสร้างบทบาทให้ตนเอง

พลันที่ปรากฏพรรคไทยรักษาชาติ นั่นยิ่งเป็นเรื่อง “อ-ปกติ” ทางการเมือง

มีความพยายามผลักดันจากภายในพรรครวมพลังประชาชาติไทยเรียกร้องให้ กกต.สนใจต่ออุบัติแห่งพรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ อย่างเป็นพิเศษ

เพราะเท่ากับเป็นการครอบงำพรรค

ถามว่าเป็นใครครอบงำพรรคเพื่อธรรม ถามว่าเป็นใครครอบงำพรรคเพื่อชาติ แล้วพรรคไทยรักษาชาติเล่าใครคือคนครอบงำ

จะแตกต่างอะไรกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย

ในเมื่อชาวบ้านก็รู้กันทั่วว่าการก่อรูปของพรรครวมพลังประชาชาติไทยมาจากไหน ไม่ใช่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล แน่นอน

สมญานามว่า “พรรคเทพเทือก” ย่อมเด่นชัด

เด่นชัดเหมือนกับที่การก่อรูปของพรรคพลังประชารัฐที่ได้กลายเป็นพรรค “พลังดูด” อย่างเด่นชัดในความรับรู้ของชาวบ้าน

นี่จะมิเกี่ยวกับ “ประชารัฐ” อันมาจาก “ทำเนียบรัฐบาล” หรอกหรือ

เหตุปัจจัยอะไรทำให้ไม่ว่าจะมองจาก กปปส. ไม่ว่าจะมองจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงได้เกิดปรากฏการณ์อย่างที่เรียกว่า “แตกแบงก์”

มิได้มีเพียงใบพัน หากแต่ยังมีใบร้อย

ถ้าการก่อรูปของพรรคตระกูล “พลัง” คือ ความงดงาม สดสวย ไม่ว่ามองผ่านพลังประชารัฐ ไม่ว่ามองผ่านรวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่ามองผ่านพลังธรรมใหม่

แล้วจะประเมินอย่างไรกับพรรคตระกูล “เพื่อ”

หากมือกฎหมายระดับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ หรือระดับ นายวิษณุ เครืองาม ตลอดจนระดับ นายบวรศักดิ์          อุวรรณโณ ไม่โกหก

ก็จะต้องยอมรับว่า ล้วนมีรากมาจาก “รัฐธรรมนูญ”

ความพยายามอันมาจากพรรคตระกูล “พลัง” ก็เพื่อเอาชนะ แล้วจะไปห้ามมิให้เกิดความพยายามที่จะเอาชนะจากพรรคตระกูล “เพื่อ” หรือ

ทั้งหมดนี้ล้วนปรากฏขึ้นก่อนเลือกตั้งในปี 2562

ประเด็นมิได้อยู่ที่ว่า คสช.จะมี 250 ส.ว.อยู่ในมือก่อนแล้ว หากแต่ประเด็นยังอยู่ที่ว่าพรรคตรงกันข้ามกับ คสช.จะมี ส.ส.อยู่ในมือเท่าไรที่มีเสียงจากฮ่องกงว่า มีอยู่แล้ว 300 ขึ้น

คำว่า 300 ขึ้นมิได้หมายถึงพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว หากแต่ยังหมายถึงพรรคอันเป็นพันธมิตรในแนวร่วมพรรคอื่นผนวกเข้ามา

แค่เกินกว่า 250 คสช.ก็เหนื่อยแล้ว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image