นายกฯ พบ ปชช. เชียงใหม่ เเจกที่ดินทำกิน เตือนแจกแล้วอย่าให้หาย หายอีกก็เลิก!

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 เมษายน ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ. เชียงใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้อยู่อาศัยหรือทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 16 จัดที่ดินให้ชุมชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม แก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกร ผู้ยากจน และการรุกล้ำเขตป่าสงวน พร้อมกับมอบเครื่องจักรกลการเกษตร และปัจจัยการผลิตให้แก่ตัวแทนเกษตรกร เพื่อยกระดับอาชีพเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล

โดยนายกฯ กล่าวระหว่างพบปะประชาชน จ.เชียงใหม่เป็นเวลากว่า 1ชั่วโมง 20 นาที ว่า วันนี้ได้เป็นสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาต เข้าทำประโยชน์ ทำกินในที่อยู่อาศัย ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันที่อยากให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ในการทำพื้นที่ให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ประเทศไทยโชคดีที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน แต่ประเทศที่ไม่มีทรัพยากรอย่างเรา เขาสามารถเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างไร เราต้องคิด หากไม่คิดให้ไกลตัว คิดแต่เพียงของเราก็จะเติบโตไม่ทันเขาแน่นอน

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลพยายามจะเพิ่มเติม ให้เริ่มกันตั้งแต่ฐานรากซึ่งตนและคสช.คิดมาตลอดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอ ต่อการดำรงชีวิตอย่างมีเกียรติศักดิ์ศรี ฉะนั้นการแจกที่ดินครั้งนี้ เพื่อให้ทำกินและอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจ เพราะเป็นไปตามกฎหมาย ที่ผ่านมารัฐบาลเคยแจกที่ดินหลายครั้งแต่ไม่รู้หายไปไหน แล้วก็แจกกันใหม่ไม่รู้กี่รอบ วันนี้แจกแล้วอย่าให้หายอีก ถ้าหายอีกก็เลิก เพราะไม่มีที่ดินแจกแล้ว อย่างไรก็ตามส่วนที่เหลือรัฐบาลพยายามให้ได้ทุกจังหวัดอย่างเร็วที่สุด โดยพื้นที่ที่จัดสรรให้จะเป็นป่าเสื่อมโทรมถูกบุกรุกมานาน ตนไม่ขอพูดเรื่องเก่า และไม่อยากโทษใคร แต่อยากจะโทษใครก็ไม่รู้ที่บริหารราชการแผ่นดินมาแล้วทำให้เกิดปัญหา ซึ่งเมื่อตนเข้ามาพบว่าปัญหามีมาก และมีความจำเป็นต้องมายืนตรงนี้ ปัญหาไฟไหม้ป่าเกิดจากน้ำมือมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องแก้ที่ต้นทางว่าสาเหตุเกิดจากอะไร โดยเฉพาะเกษตรกรที่เผาซังตอ ก่อนเริ่มปลูกใหม่ ส่วนหมอกควันที่เกิดจากเพื่อนบ้านคงไปตำหนิไม่ได้ เพราะก็อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเหมือนกัน ซึ่งวันนี้เราก็นำนโยบายไปขับเคลื่อนอาเซียน เชื่อว่าเราน่าจะเป็นผู้นำในเรื่องการลดหมอกควันในอาเซียนได้

“การดำเนินการต่างๆ ที่ตนสั่งไป อยากให้ทำเป็นรูปธรรม ทำทุกเรื่องแต่ไม่ได้ต้องการให้ทำเพื่อให้ตนดูหรือเพื่อรายงานนาย แต่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนมีความสุขและพึงพอใจ และเป็นความถาคภูมิใจของพวกท่าน ซึ่งการทีป่าไว้ในวันข้างหน้าเป็นรางวัล และอนาคตประเทศ และการทำงานจะต้องไม่ใช่ต่างคนต่างเดิน หรือแยกกันเดินแยกกันตี จะทำให้แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ วันนี้จึงจำเป็นต้องใช้ประชารัฐเข้ามา การแก้ปัญหาต่างๆ หากใช้กฎหมายหรือระเบียบต่างๆ จะทำให้พันกัน ทำให้เจ้าหน้าที่กับประชาชนขัดแย้งกัน ดังนั้นต้องแก้จิตสำนัก ต้องลดราวาศอกต่อกัน”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image