| ผู้เขียน | พันธศักดิ์ รักพงษ์ |
|---|
เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพียงแค่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เอ่ยปาก
ปมความเคลื่อนไหว “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ถึงต่างประเทศ ออกมาพูดเรื่องพรรคเพื่อไทย และมีบรรดาอดีตส.ส.เดินทางไปพูดปะพบคุย และตั้งคำถามดังๆว่า พูดแบบนั้นผิดหรือไม่ ก็ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปพิจารณา
เพียงเท่านั้น “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา” เลขาธิการ กกต. ก็ออกมารับลูกว่า “ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งจากภาพถ่าย คลิป และข่าว รวมถึงความเห็นของบุคคลต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ซึ่งการจะเข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่ กกต.จะพิจารณาว่าพรรคการเมืองนั้นขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมหรือไม่ หากเข้าข่ายความผิดจะส่งผลให้พรรคการเมืองนั้นถูกยุบพรรค”
ยิ่ง”ทักษิณ”ให้สัมภาษณ์เอ็นเอชเคสื่อของญี่ปุ่น คาดการณ์ถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยเชื่อว่าการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะ แม้ว่าฝั่งรัฐบาลทหารจะมีความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจก็ตาม
“พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยรวมกันจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนมากกว่า 300 ที่นั่ง จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง เมื่อเป็นเช่นนั้นรัฐบาลปัจจุบันก็ไม่สามารถบริหารต่อได้ เพราะกลายเป็นเสียงข้างน้อย ไม่สามารถผ่านงบประมาณ และยังต้องเจอกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ในขณะที่วุฒิสมาชิกก็ไม่สามารถลงคะแนนได้ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลทหารล่มภายในเวลาไม่ถึงเดือน หรือไม่กี่สัปดาห์ ”
คำพูดนี้เหมือนเป็นการเทน้ำมันร้อนๆเข้ากองไฟ อย่างน้อยก็ฉายให้เห็นตัวตนของเหล่าบิ๊กๆคสช.ว่า ลึกๆแล้วยังกลัวและสลัดไม่หลุดจาก”เงาทักษิณ”เหมือนเดิม
หาก”เงาทักษิณ” ยังมีอิทธิฤทธิ์เช่นไร หลังการรัฐประหารผ่านมา 4-5 ปี วันนี้เงานั้นยังตามมาหลอกหลอนเช่นนั้น
เงานี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวการบริหารและปฎิรูปประเทศ ตอกย้ำคำพูด “รวยกระจุก จนกระจาย” เพราะหากบริหารประเทศได้ผลสำเร็จตามคำพูด รัฐบาล”บิ๊กตู่”ก็คงไม่ต้องมากลัว”เงาทักษิณ”เหมือนเช่นวันนี้
การตั้งธงยุบพรรคเพื่อไทย ทำให้การเมืองต้องวนกลับมาสู่จุดเดิมใช้ยุทธวิธีเตะสกัดยุบพรรค หากบิ๊กๆคสช.ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์แห่งการยุบพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนแล้ว ย่อมต้องเรียนรู้ว่าวิธีการนี้มักได้ผลที่ตรงข้ามเสมอ
ถึงวันนี้ “ทักษิณ”และแกนนำเพื่อไทย ได้แต่ภาวนาให้รีบยุบๆพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นสิ่งที่แกนนำคาดเดามาตั้งแต่ต้น เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่วางแผนสำรองไว้ตั้งแต่แรก เพราะชนักที่ปักหลังเช่นนี้ บรรดาแกนนำพรรคหลายคนจึงหลบเลี่ยงไม่เข้าเป็นกรรมการบริหารพรรค เพราะกลัวติดบ่วงเว้นวรรคการเมือง เช่นเดียวกับการวางพรรคสำรอง เช่น เพื่อธรรม เพื่อชาติ และไทยรักษาชาติ สานต่อภารกิจเลือกตั้งครั้งหน้า
คนเพื่อไทยกำลังนั่งนับวัน ภาวนาให้ปมยุบพรรคได้ข้อสรุป เพราะจะได้ปรับ”ขบวนทัพ”ตามสถานการณ์การเมืองภายใต้อำนาจรัฐ เพราะเชื่อมั่นว่าทุกครั้งที่ถูกรุกไล่ด้วยอำนาจรัฐ กระแสตีกลับจากมวลชนทั่วประเทศ จะทำให้การเลือกตั้งชนะอย่างถล่มทลาย
