ผู้สื่อสื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 29 ตุลาคม ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางตรวจเยี่ยมโครงการศูนย์รังสีรักษา โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และโครงการผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว พร้อมให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็ง
ทั้งนี้โครงการสร้างศูนย์รังสีรักษาดูแลผู้ป่วยมะเร็งครบวงจร ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เป็นโครงการตามนโยบายรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพบริการและการแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอขอสนับสนุนงบประมาณ 385 ล้านบาท ในการก่อสร้างระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2563 และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2565 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ให้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านการรักษาโรคมะเร็งของภาคเหนือตอนบน เพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็งในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา จังหวัดใกล้เคียงและประเทศเพื่อนบ้านชายแดน ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทั้งนี้โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์มีความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์รังสีรักษาเนื่องจากมีแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง จำนวน 17 คนสามารถให้การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดและให้ยาเคมีบำบัดหากศูนย์รังสีรักษาแล้วเสร็จจะทำให้เป็นศูนย์เชี่ยวชาญโรคมะเร็งอย่างครบวงจร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะนำข้อเสนอการของบประมาณ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็น พร้อมขอให้ผู้ป่วย แพทย์และพยาบาลมีสุขภาพจิตที่ดี ซึ่งจะทำให้ร่างกายดีขึ้นด้วย และขอให้มีการผลิตแพทย์และพยาบาล รวมถึงอาสาให้มากขึ้นเพื่อจะได้มาช่วยดูแลผู้ป่วย ทั้งนี้ เข้าใจการทำงานของแพทย์และพยาบาลว่าเหน็ดเหนื่อยแต่ขอให้อดทน โดยรัฐบาลพยายามจะช่วยดูแลในเรื่องต่าง ๆ ให้ เพียงแต่คงทำให้ได้ไม่ทั้งหมดเพราะรัฐบาลต้องดูแลประชาชนทุกกลุ่มทั่วประเทศ
ขณะที่ผู้ป่วยที่มารอพบนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่นายกฯรัฐจะนำไปพิจารณาเพื่อก่อสร้างศูนย์รังสีรักษามะเร็งให้กับผู้ป่วย
จากนั้นในเวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางมาสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช มีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย นายวันชัย จงสุทธามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมประชาชน ผู้นำสตรี 64 ชุมชน นักเรียน ให้การต้อนรับ โดยตอนหนึ่งได้หยุดทักทายนักเรียนจากโรงเรียนเทศบาล7 ฝั่งหมิ่น โดยระบุให้ตั้งใจเรียน และให้เรียนในสายที่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ในอนาคต อย่าเรียนตามกระแส
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ได้เจอ ตนตื่นตั้งแต่ตีห้าพูดทั้งวันลมเข้าท้องมาหมดแล้ว และได้รับดอกไม้จากใจของคนเชียงรายที่มาขอบคุณเรื่องอนุมัติโครงการทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ แต่คงไม่ใช่แค่รถไฟอย่างเดียว เพราะทุกอย่างต้องทำตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดให้แต่ละกระทรวงทำตามแผน เรื่องรถไฟควรเกิดตั้งนานแล้ว ก็ไม่เกิดมาเกิดตอนนี้ โดยรัฐบาลมาทำ 2,000 กิโลเมตร และอีก 10 ปีจะทำอีก 2,000 กิโลเมตร เพราะต้องเชื่อมโยงไปยุโรปตะวันออก
“เราต้องกระจายความเจริญ ถ่ายทอดความรู้การวิจัยพัฒนา ไม่อย่างนั้นเราก็ต้องกินของเก่าไปตลอด แต่ตอนนี้เราต้องเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว มีคนมาเที่ยวกว่า 35 ล้านคน แล้วเราจะทำลายประเทศไปทำไม จะเอาสิ่งไม่ดีไม่งาม ไปพูดให้ข้างนอกฟังว่าอย่ามาประเทศไทย เพราะประยุทธ์อยู่อย่างนี้หรือ ขอให้เชื่อมั่น ผมไม่ต้องการมาการเมือง มาทำการเมือง แต่มาทำการบ้าน มาพบกับประชาชนทั้ง 4 เขตในพื้นที่ที่มารอรับ และอยากบอกว่า เราต้องเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นโลกยุค 4.0 เปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมยุคใหม่ ถ้าเรายังคิดแบบเดิมให้คนมาพูดโน้นพูดนี่ วันนี้รัฐบาล ทำกฎหมายออกมา 400 กว่าฉบับ ไม่ใช่ออกมาเพื่อความสะใจ หรือใช้อำนาจ แต่เป็นการอำนวยความสะดวก อย่าให้ใครมาบิดเบือนให้ประเทศเสียหาย ผมยืนยันว่าไม่ปิดกั้น แต่ทุกคนต้องมีวิจารณญาณในการรับฟัง ไม่อย่างนั้นก็จะเสียเวลา 4 ปีที่อยู่ด้วยกัน ที่ประชาชนทุ่มเท ที่ผมทุ่มเท ดังนั้นทุกคนหากจะอยู่ไปด้วยกัน ต้องช่วยกันแก้ปัญหาเพราะมปัญหามีไว้ให้แก้ไขไม่ใช่ก้าวข้าม หรือทิ้งไปแบบที่ผมเจอ ถ้าบริหารแบบกลัวก็ทำอะไรไม่ได้”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่าให้เสรีภาพทุกคน แต่อย่าทำผิดกฏหมาย เพราะคนไม่เกี่ยวข้องจะเดือดร้อน วันนี้ไม่ดีหรือที่คนไปมาหาสู่กันได้ โดยไม่ปิดบ้านปิดเมือง ปัญหาของผม ผมไม่ได้ลงเลือกตั้งเอง ไปดูมาว่าตนจะมาได้ไง ขึ้นอยู่กับพวกเรา ตนไม่พูดการเมือง และตนเป็นคนใจดีกับคนที่ดีกับตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการทักทายกับผู้นำสตรี ปรากฎว่าตัวแทนผู้นำสตรีได้เข้ามาจับมือขวาของนายกฯที่มีอาการซ้นและดามไว้ โดยนายกฯได้ร้องขึ้นว่า “มือผมเจ็บ ผมเจ็บมือ ไปต่างประเทศก็จับมือทั้งวัน ใครบอกไม่คบผมไม่รู้ รู้แต่ว่ามีแต่คนไทยที่ไม่คบ” พร้อมกับเผลอตัวยื่นมือไปจับกับตัวแทนผู้นำสตรีอีก ทั้งนี้ทางเทศบาลนครเชียงรายได้นำรูปหล่อพ่อขุนเม็งรายให้กับนายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก
