ผู้เขียน | สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน |
---|
ฤดูหนาวในบ้านเรา ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา เอาเข้าจริงๆ คงเฉพาะพื้นที่ภูดอยทางภาคเหนือเท่านั้น ที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าลมฟ้าอากาศเริ่มเย็นลง อุณหภูมิลดต่ำลง ส่วนใน กทม.แทบไม่มีใครรู้สึกเลยว่าได้ปรับเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูใหม่แล้ว
อากาศใน กทม.ที่เหมือนไม่มีฤดูหนาวนั้น เป็นมาหลายปีแล้ว ด้วยความแออัดของสิ่งปลูกสร้าง เต็มไปด้วยตึกสูง สะสมแต่ความร้อน
รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่ทำให้ฤดูกาลต่างๆ เริ่มไม่เหมือนเดิม
โลกเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
สภาพสังคมสภาพการเมืองก็เช่นเดียวกัน
ผู้คนในแวดวงการเมือง เห็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำทีมแกนนำพรรคการเมืองของตนเองออกเดินถนนในพื้นที่ชั้นในของ กทม.แล้วพากันส่ายหน้า เห็นใจก็มี สะใจก็มี
พร้อมกับมีข้อสรุปที่ว่า 4 ปีผ่านไป ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว
คนที่เป็นกองเชียร์ถึงกับแสดงความเห็นทำนองว่า ถ้าวันนั้นเมื่อปลุกม็อบขับไล่รัฐบาลปูจนจุดติด คนเข้ามาร่วมสนับสนุนมากมาย พอรัฐบาลปูเข้าเกียร์ถอย ยอมยุบสภา เพื่อให้เลือกตั้งใหม่
น่าจะตัดสินใจนำมวลมหาประชาชนไปเข้าคูหา แสดงประชามติผ่านกฎกติกาประชาธิปไตยที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยอมรับ ทั่วโลกก็เห็นชอบด้วย
เพื่อไปเลือกพรรคการเมือง ที่มิใช่พรรคเพื่อไทย
จากนั้นก็ให้พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้ง เดินหน้าปฏิรูปการเมืองตามที่ป่าวร้องกันอยู่ ก็น่าจะทำได้
กลับไม่ทำ
พอวันนี้จะตั้งพรรคเพื่อลงเลือกตั้ง แล้วดูความนิยม เสียงตอบรับ ก็น่าเห็นใจจริงๆ
อีกทั้งผลโพลของทุกสำนัก ไม่เคยมีชื่อพรรคสุเทพ ติดอันดับเลย
สู้พรรคอนาคตใหม่ ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ไม่เคยเล่นการเมืองมาก่อนเลยก็ยังไม่ได้
แฟนคลับม็อบนกหวีดจึงพากันเสียดาย ไม่น่าละทิ้งจังหวะซึ่งมวลชนกำลังคึกคักเอาไหนเอาด้วย แถมมีผู้เข้าร่วมสนับสนุนมหาศาลในตอนนั้น
มาวันนี้ 4 ปีผ่านไป อะไรก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
จึงต้องเกิดคำถามว่า แล้วทำไมวันนั้นจึงไม่เลือกทางออกตามแนวทางประชาธิปไตย
หรือเพราะมีเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้เป็นขั้นเป็นตอนหมดแล้ว
ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจอะไร หากพรรคสุเทพจะประกาศกับสังคมล่วงหน้าได้ว่า จะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน เพราะรัฐบาลหน้าก็คงมีหัวหน้า คสช.กลับมาเป็นนายกฯอีก
นี่ไม่ใช่การคุยโว แต่เป็นเรื่องที่กำหนดเอาไว้หมดแล้ว
แต่ปัญหาก็คือ สถานการณ์ตลอดช่วง 4 ปีของการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งนั่นเอง ที่เป็นปัจจัยกำหนดความรู้สึกของผู้คนในวันนี้
ขณะที่พรรคทุนสามานย์ พรรคเผด็จการเสียงข้างมาก พรรครัฐบาลทรราช กลับมีสภาพตรงกันข้าม
สำรวจกี่โพลก็ขึ้นอยู่หัวตารางทุกครั้ง
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน