เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ศูนย์ประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้นานาชาติเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งต้นปี 2562 ว่า การเยือนยุโรปของพรรคอนาคตใหม่พบว่าสหภาพยุโรป (อียู) มีความเป็นห่วงต่อการเลือกตั้งมาก เขาจึงส่งจดหมายมายังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอสังเกตการณ์ แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยตนต้องการให้มีการสังเกตการณ์ก่อนการเลือกตั้งหลายเดือน เพราะหลายครั้งการทุจริตการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นก่อนมีการเลือกตั้ง ดังนั้น บุคคลระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธ หรือแสดงความไม่เห็นด้วยกับผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งที่เป็นเรื่องสากล ก็ทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้ ประชาชนจะเชื่อถือได้หรือไม่ว่าบริสุทธิ์และยุติธรรม โดยการมีผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งไม่ได้ส่งผลเสียกับใครเลย มีแต่จะทำให้ผลการเลือกตั้งได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
“ดิฉันไม่ได้ต้องการให้ผลการเลือกตั้งของประเทศไทย ถูกคว่ำบาตรเหมือนในกัมพูชา หากอยากให้ประชาชนไทยและประชาคมโลกยอมรับผลการเลือกตั้ง ก็ควรปล่อยให้มีผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง ไม่ว่าจะมาจากอียู หรือองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ จะทำให้เกิดผลดีกับทุกฝ่าย ไม่ใช่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง โดย กกต.จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ใช่ คสช. เราต้องการผลักการเมืองให้นำไปสู่ความเป็นปกติมากที่สุด กกต.ควรทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ขอเอาใจช่วย กกต.ให้เป็นกลาง อย่ากังวลอำนาจ คสช.ที่ยังอยู่ ต้องช่วยกันผลักดันสังคมไทยให้เข้าสู่ภาวะปกติ” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินคดีต่อผู้ครอบครองปฏิทินรูปของสองอดีตนายกรัฐมนตรีตระกูลชินวัตรนั้น ประเทศนี้ไม่ได้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นครั้งแรก ที่ผ่านมาก็มีการจับขันแดง จึงขอให้แยกความมั่นคงของประเทศออกจากความมั่นคงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ความมั่นคงของประเทศไม่อาจถูกทำลายได้โดยปฏิทินหรือสิ่งของที่ได้รับมาจากใครคนใดคนหนึ่ง เชื่อว่าประชาชนตัดสินในเรื่องนี้ได้ การให้เจ้าหน้าที่ไล่จับคนในเรื่องนี้ เพื่อความมั่นคงของใครกันแน่ แม้ตอนนี้ไทยไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่ก็ควรคืนเสรีภาพให้สังคมเพื่อกลับเข้าสู่ความปกติได้แล้ว เหลืออีกเพียง 109 วัน ก็จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว
