‘องอาจ’ ชี้หลักเกณฑ์ กกต.ยังไม่ตอบโจทย์ หวั่นกติกาไม่ชัดเจนทำคนเห็นต่างเสี่ยงถูกดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายองอาจ  คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.)  ออกหลักเกณฑ์ที่ประชาชนจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ทำได้ 6 ข้อ และข้อห้าม 8 ข้อว่า เป็นการออกหลักเกณฑ์ที่ยังไม่สามารถทำให้กฎหมายประชามติมีความชัดเจนปราศจากข้อสงสัยได้ บางข้อความในกฎหมายยังมีความคลุมเครือที่อาจถูกนำไปใช้ตีความเพื่อให้คุณ และให้โทษ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ตลอดเวลา ไม่สามารถตอบโจทย์ได้เท่าที่ควร ซึ่งหลักเกณฑ์ในข้อที่ทำได้ทั้ง 6 ข้อ ก็ไม่มีอะไรใหม่ เป็นเพียงการขยายความเนื้อหาสาระของกฎหมายให้เป็นถ้อยคำเชิงอธิบายความเพิ่มขึ้น เป็นหลักเกณฑ์พื้นฐานที่วิญญูชนทั่วไปพึงกระทำได้อยู่แล้วถึงแม้ไม่มีหลักเกณฑ์บอกว่าทำได้

นายองอาจ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อห้าม 8 ข้อ ที่ทำไม่ได้นั้นก็เป็นข้อห้ามตามมาตรา 61 วรรคสอง ที่ห้ามการเผยแพร่ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม ข่มขู่ ซึ่งถึงแม้ไม่ออกหลักเกณฑ์เป็นข้อห้ามก็ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ดีมีบทบัญญัติในกฎหมายประชามติที่ห้ามเผยแพร่ข้อความที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง อาจมีความผิดถูกจำคุก 10 ปี ได้นั้น ยังถือว่าเป็นเนื้อหาที่อาจถูกตีความเพื่อเล่นงานคนที่เห็นต่างได้ เช่น คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) อธิบายว่า ร่างรัฐธรรมนูญนี้ดีปราบโกงได้  แต่มีผู้เห็นต่างว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้ ยังไม่ปราบโกงได้มากนัก การกล่าวเช่นนี้ของผู้เห็นต่างจะถือว่าเผยแพร่ข้อความที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือไม่

 “จะเห็นได้ว่าหลักเกณฑ์ของ กกต.ที่ยังไม่ชัดเจนย่อมทำให้ผู้ที่มีความเห็นต่างจากร่างรัฐธรรมนูญนี้ต้องสุ่มเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงสื่อมวลชนก็อาจต้องทำหน้าที่บนความไม่แน่นอน  ถึงแม้จะปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพด้วยความรับผิดชอบแล้วก็ตาม จึงของฝากให้ กกต.ช่วยพิจารณาว่าจะมีหลักเกณฑ์ที่มีความชัดเจนขึ้นอย่างไร เพื่อให้ผู้เห็นต่างอย่างสุจริตใจได้มีพื้นที่แสดงความคิดเห็น และเผยแพร่ความคิดเห็นโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย” นายองอาจ กล่าว