ศาลฎีกาตัดสินจำคุก มือปืนป๊อปคอร์น หรือนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ การ์ด กปปส. ที่ลั่นกระสุนปืนกล 20 นัดใส่ไปในทิศทางของม็อบเสื้อแดงบริเวณแยกหลักสี่ ผลของเหตุการณ์ ทำให้มีคนตาย 1 และบาดเจ็บ 3 คน
ก่อนศาลจะตัดสิน มือปืนอยู่ในฐานะฮีโร่ของเหล่าผู้ชุมนุมกปปส. ดาราดัง 2 คน ท้อป ดารณีนุช กับเหมี่ยว ปวันรัตน์ ขึ้นเวทีแสดงอารมณ์กรี๊ดกร๊าดสะใจ และท่องคาถาชื่นชมว่า “อิติปิสวนภควา”ปรากฏเป็นคลิปบันทึกไว้จนบัดนี้ ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.ขึ้นเวทีขอบคุณ “มือปืนถุงปุ๋ย”
น่าสังเกตว่าชุดความคิดของบรรดาผู้แสดงความสะใจในการกระทำของมือปืน สะท้อนว่ามีการบิดเบือนให้ฝ่ายกระทำ กลายเป็นผู้ถูกกระทำ และบิดเบือนให้ฝ่ายถูกกระทำกลายเป็นผู้กระทำ เพื่อสร้างความชอบธรรม ให้พวกตนเองเป็นฝ่ายถูกต้อง หรือเป็นฝ่ายธรรมะ
วิธีคิดนี้ ปรากฏอยู่โดยทั่วไป และจนวันนี้หลายคนในกลุ่มนี้ ยังเชื่อว่าพวกเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำจากอำนาจรัฐ จึงมีความชอบธรรมที่จะตอบโต้ ใช้การ์ดทำร้าย คุกคาม ล้มเลือกตั้ง ปิดสถานที่ราชการ และสุดท้ายคือรัฐประหาร พ.ค. 2557 เพื่อ “ปฏิรูป” ฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นไป
ผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นคือ นายอะแกว แซ่ลิ้ว วัย 72 ปี
ลุงอะแกวโดนกระสุนปืนนอนนิ่งบนถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้ไอทีสแควร์ ผู้ประสบเหตุพยายามเข้าไปช่วย แต่มีการยิงรบกวนและสกัด ทำให้เสียเวลาไปพอสมควร กว่าจะนำร่างลุงส่งโรงพยาบาลได้
หลังจากโดนกระสุนปืน เมื่อเย็นวันที่ 1 ก.พ. 2557 ลุงอะแกวนอนอัมพาตเกือบ 8 เดือน ก่อนเสียชีวิตในเช้า 25 ก.ย.2557 เวลาประมาณ 07.00 น. ที่บ้านพักย่านหลักสี่
เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว บุตรสาวคนโตของอะแกว วัย 42 ปี กล่าวว่า บิดาตนเสียชีวิตเมื่อเช้าเวลา 7 โมง ที่บ้านของตน สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีและการเยียวยานั้น เอื้องฟ้ากล่าวว่า อยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลการเยียวยาและเร่งดำเนินคดี เนื่องจากชะงักไปหลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร
วลัยพร แซ่ลิ้ว บุตรสาวคนเล็กของอะแกว วัย 35 ปี กล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงแบบที่พ่อตนเองประสบอีก อยากให้คนในสังคมคุยกันด้วยเหตุด้วยผลดีกว่า อย่าใช้กำลังหรืออาวุธเข้าตอบโต้กัน
คำถามว่าลุงเป็นใคร ในเบื้องต้นมีเสียง “ผู้รู้” ออกมาให้ข้อมูลและละเลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กขณะนั้นหลากหลายแนว ล้วนแต่กล่าวหาเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มตนเอง
ตั้งแต่เหมาว่าลุงถูกฝ่ายเสื้อแดงยิงบาดเจ็บ อีกเพจบอกอย่างมั่นใจว่า ลุงเป็นชาวกัมพูชาที่เป็นแกนนำกองกำลังติดอาวุธที่มายิงทำร้ายผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.
ตั๊น จิตภัสสร์ แกนนำ กปปส. โพสต์ต่อว่าเสื้อแดงที่เธอเชื่อว่าทำร้ายลุงอะแกว ว่า “จิตใจของพวกกองโจรนี้ทำด้วยอะไร มาฆ่าทำร้ายคนไทยกันเองแบบนี้ โดยเฉพาะ ปชช.มือเปล่าที่ไม่สามารถสู้อาวุธของกองกำลังโจรพวกนี้ได้ พวกนี้ก็คือสัตว์นรกที่ไม่มีจิตใจ ไม่สมเป็นไทย” ก่อนจะลบโพสต์ไป
บ้างก็ว่าลุงอะแกว พ่อค้าขายน้ำวัย 72 ปี เป็นแกนนำเสื้อแดง ส่วนชายหนุ่มที่นั่งหลบกระสุนปืนข้างเสาไฟ ขณะเข้าไปช่วยเหลือเป็น กปปส.
อย่างเพจคณะเสนาธิการร่วมระบุว่า “เราเสี่ยงชีวิตไปช่วย “แดง” วีรบุรุษฝ่ายเรา ช่วยควายแดงที่นอนอยู่รอดตาย..”
อีกกลุ่ม ระบุว่าชายชราคนดังกล่าว เป็นกองกำลังลับของฮุนเซน โดยเพจ Watch Red Shirts อ้างข้อมูลจาก Gukonthai Neverdie ระบุว่า “วันนั้น อาเกว คือ ชายรายแรก ที่ถูกยิงจากกระสุนความเร็วสูงนอนสงบนิ่งอยู่ที่หลักสี่ เพื่อตัดทอนการสั่งการให้กองกำลังของอาเกว ทำการได้สำเร็จ เป้าหมาย พุทธะอิสระ และคนรอบข้าง เพื่อสร้างสถานการณ์ปฏิวัติตอนนี้ กองกำลังของอาเกวหลบหนี จากดอนเมือง กระจัดกระจาย หนีตาย เพื่อข้ามแดน กลับเขมร บางส่วนหนีขึ้นทางเหนือของไทย เพื่อใช้ช่องทางชายแดนกลับเวียดนาม กองกำลังนี้ มี ประมาณ 30 คน” ภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกลบไป
มือปืนป๊อปคอร์น กลายเป็นฮีโร่ของฝ่ายกปปส. มีการทำเสื้อยืดยกย่องความเป็นวีรบุรุษ แสดงความชื่นชมในวาระต่างๆจากบรรดาผู้นำ กลุ่มเซเลบของม็อบ รวมถึงดาราบางคน
ในปี 2559 นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพุทธะอิสระเผยว่า ให้เงินสนับสนุน มือปืนป๊อปคอร์นเดือนละ 15,000 บาท ตั้งแต่เริ่มติดคุก และคงต้องจ่ายต่อไปจนกว่าเขาจะพ้นจากคุก
สุดท้ายแล้ว ลุงไม่ใช่กองกำลังลับ หรือหน่วยรบพิเศษที่ไหน ลุงคือเหยื่อกระสุนปืน เป็นชายชราสามัญธรรมดา มีชื่อว่า อะแกว แซ่ลิ้ว วัย 72 ปี อาชีพพ่อค้าขายน้ำหวาน น้ำอัดลมที่บริเวณหน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา 2
ในวันเกิดเหตุด้วยความเป็นพ่อที่ห่วงลูกสาว ซึ่งทำงานขายอาหารอยู่ฟู้ดเเลนด์ ภายในห้างไอทีสเเควร์ จึงได้เดินทางมาตามหาลูกสาว
และเห็นมีการชุมนุมกันบริเวณที่เกิดเหตุ จึงเข้าไปสังเกตการณ์อยู่ฝั่งผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้ง ก่อนถูกยิงจนกลายเป็นอัมพาต เกือบ 8 เดือน จนกระทั่งเสียชีวิต
ศาลได้คืนความยุติธรรมให้ครอบครัวนี้ ผ่านทางคำพิพากษา
ขณะที่ข้อมูลความจริงต่างๆ ได้เปิดเผยตัวเองออกมา สะท้อนว่า ลุงอะแกวไม่ได้เป็นเพียงเหยื่อกระสุนปืนเท่านั้น ยังเป็นเหยื่อของการเมืองที่ใช้การใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนเสกปั้นข้อมูลเป็นอาวุธสำคัญอีกอย่างหนึ่ง
ขอบคุณเนื้อหา/ข้อมูลจาก ประชาไท
