จตุพร ลั่น เชียร์ ‘เพื่อชาติ’ หนุน ‘สงคราม’ นั่ง หน.พรรค ยกปมโพสต์พุทธะอิสระคิดต่างได้ แต่ไม่แตกแยก
เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ระบุว่า ตนในฐานะกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) วันนี้สถานะของบุคคลในประเทศมีความแตกต่าง ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐมีสิทธิเป็นกรรมการบริหารพรรค มีสิทธิไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ไม่มีสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้ง ขณะที่ตนไม่มีสิทธิเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไม่มีสิทธิเป็นกรรมการบริหาร แต่มีสิทธิไปเลือกตั้ง ตนเหลือข้อเดียว เขาเหลือสองข้อ ดังนั้น ตนจึงเรียกร้องตั้งแต่ต้นว่า คสช.ควรประกาศให้หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค กระทั่งหัวหน้า คสช.สามารถลงรับสมัครเลือกตั้งได้ เพราะจะกลายเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ผู้บริหารทั้งหมดในโครงสร้างบนไม่สามารถลงรับสมัครเลือกตั้งได้
“ในฐานะที่ผมเหลืออยู่ข้อเดียวคือไปใช้สิทธิ และอยู่ในกองเชียร์ที่ต้องระมัดระวังไม่ให้ผิดกฎหมายลักษณะการครอบงำ ดังนั้น การเกิดของพรรคที่เพิ่มขึ้น และเห็นว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ที่กำหนดไว้ และอย่างที่ผมเคยกล่าวว่า รวมกันแพ้ แยกกันชนะ ที่สำคัญ การตั้งพรรคต้องไม่หวังเรื่องคะแนนอย่างเดียว แต่ต้องมีอุดมการณ์และจุดยืนของตัวเอง ผมยืนยันที่จะเชียร์พรรคเพื่อชาติต่อไป เพราะเขายังยืนหยัดว่าพรรคนี้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่เปิดกว้าง สามารถอยู่ร่วมกันได้ แม้คิดต่างกัน” นายจตุพรกล่าว
นอกจากนี้ นายจตุพรได้กล่าวถึงกรณีหลวงปู่พุทธะอิสระได้โพสต์ข้อความถึงตน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ว่า นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งว่า แม้เราเคยต่อสู้ เราเห็นต่างกัน แต่เมื่ออยู่ในชะตากรรมเดียวกันในเรือนจำก็สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องชาติบ้านเมืองได้ นี่เป็นแบบอย่างหนึ่งว่าเราไม่ได้คิดเหมือนกัน แต่ต้องอยู่ได้ท่ามกลางความแตกต่างโดยไม่มีความแตกแยก เพียงแต่ประเทศไทยในช่วง 10 ปีมานี้ ความแตกต่างคือความแตกแยก คิดต่างไม่ใช่พวก ดังนั้น การโพสต์ของหลวงปู่พุทธะอิสระเชื่อว่ายังมีกลิ่นไอลักษณะนี้เกิดขึ้น
นายจตุพรกล่าวต่อว่า เมื่อ พ.พ.ช.ประกาศว่า เป็นพรรคเกาะกลาง ยึดหลักประชาธิปไตย อยู่ร่วมกันได้ภายใต้หลักการประชาธิปไตย ตนยืนยันให้การสนับสนุน ซึ่งวันนี้จะมีการเปิดตัวหัวหน้าพรรคคือ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ใหญ่บริษัทลาดพร้าวพลาซ่า จำกัด และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สมุทรปราการ และเหรัญญิก พรรคพลังประชาชน ตนเห็นว่าเหมาะสมทั้งปวง เพราะไม่มีใครยกพื้นที่ห้างสรรพสินค้าให้เป็นที่ทำการขององค์กรประชาธิปไตยได้ การหานักธุรกิจที่เสียสละเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นายสงครามได้เอาตัว พร้อมหน้าที่การงาน และธุรกิจทั้งปวงมาเสี่ยงกับภาคประชาชน ซึ่งไม่มีอะไรตอบแทนเขาได้เลย ประเด็นสุดท้ายคือ ไม่ว่าจะมีพรรคการเมืองจำนวนมากอย่างไร แต่ทุกพรรคต้องไม่ปฏิบัติในลักษณะฮั้ว หรือยินยอมแลกเปลี่ยนในการลงรับสมัครการเลือกตั้ง รวมถึงผู้บริหารการจัดการเลือกตั้งต้องไม่ปล่อยให้เป็นไปด้วยความทุจริตและฉ้อฉล