ยื่น”บิ๊กตู่”หนุนเปิดทรัพย์สินผู้บริหาร-กก.มหา’ลัย แต่ขอขยายเวลา หวั่นแจงบัญชีไม่ทัน

ศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ยื่นหนังสือถึง “บิ๊กตู่” หนุนเปิดบัญชีทรัพย์สินผู้บริหาร-กรรมการมหาวิทยาลัย แสดงความโปร่งใส พร้อมร้องขอขยายเวลาบังคับใช้กม. หวั่นแจงบัญชีไม่ทัน

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นพ.สุธีร์ รัตนะมงคลกุล ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES) พร้อมเครือข่าย นำรายชื่อผู้สนับสนุนการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินของฝ่ายบริหารและกรรมการสภามหาวิทยาลัยทุกแห่งตามประกาศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องการกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่นื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102จำนวน 1,369 รายชื่อ ตามที่ปรากฎในเว็บไซต์ของ change.org ยื่นถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้ยืนยันการแสดงบัญชีทรัพย์สินตามเจตนารมย์ของกฎหมายพร้อมกล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันมหาวิทยาลัยหลายแห่งอยู่ในกำกับของรัฐ เพื่อให้มีอิสระในการบริหารงาน โดยมีสภามหาวิทยาลัยที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอกจากการสรรหาของผู้บริหารมหาวิทยาลัย ทำให้ผู้บริหารและกรรมการสภามหาวิทยาลัยกลายเป็นพวกเดียวกันทั้งหมด ซึ่งก็มีข้อร้องเรียนจากบางสถาบันว่าพบการทุจริตของผู้บริหาร จากการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังนั้นการบริหารงบประมาณปีละ 2,000-3,000 ล้านบาทของมหาวิทยาลัย จึงน่าเป็นห่วงฝเพราะไม่มีระบบตรวจสอบ มีการปิดบังข้อมูล และอาจเกิดการทุจริตทางนโยบายในการจัดซื้อจัดจ้างการก่อสร้างต่างๆได้ง่าย ขณะเดียวกันยังพบว่า มีการนำงบประมาณของมหาลัยข่อนแก่นไปซื้อหุ้นของสถาบันการเงินที่มีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการสภาฯ รวมถึงเปิดสัมปทานให้ผู้ทรงคุณวุฒิบางคนรับงานก่อสร้างในมหาวิทยาลัย และมอบโควตานักเรียนโรงเรียนสาธิตให้ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบ ตนจึงอยากขอว่า อย่าเอาเรื่องพระและสถาบันการศึกษามาอ้าง กรรมการมหาวิทยาลัยทุกสถาบัน นายกสภามหาวิทยาลัยควรต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน และขอให้ ป.ป.ช. ยืนยันบทบาทของตนเองในการทำหน้าที่ ขณะเดียวกันประชาชนต้องร่วมในการตรวจสอบผู้บริหารเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เราต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ไม่ร่วมมือในการทำให้เกิดการทุจริตทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตามพวกตนยินดีให้มีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน แต่ระยะในการเตรียมความพร้อมยื่นบัญชีทรัพย์สินที่เหลือเพียง 1 เดือน ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ธันวาคมนั้นเร็วเกินไป จึงอยากขอให้พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image