การปล่อยตัวเลข 290 ที่เครือข่ายพรรคตระกูล “เพื่อ” ซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทยจะได้มาจากการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
เป็นแผน “การตลาด” อย่างแน่นอน
ประเด็นมิได้อยู่ที่ว่า 1 เร้าความสนใจให้กับสื่อเป็นอย่างสูง ไม่ว่าสื่อหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าสื่อออนไลน์ หากแต่ที่สำคัญ 1 คือ มีคนเชื่อ
ทั้งๆ ที่เสมอเป็นเพียง “โพล”
ทั้งๆ ที่เมื่อผลการสำรวจถูก “ปล่อย” ออกมาจากฐานความเชื่อของสังคม วางอยู่กับผลการเลือกตั้งในอดีตตั้งแต่เดือนมกราคม 2544 กระทั่งเดือนกรกฎาคม 2554
ทั้งยังเป็นการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ มิใช่บัตร 1 ใบ
ปมเงื่อนที่แหลมคมยิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมพลังประชาชาติไทยเองก็ยอมรับ หากแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐก็ไม่กล้าโต้แย้ง
นี่คือ การครอบงำจากพรรคเพื่อไทย
ไม่ว่าจะใช้ชื่อพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะใช้ชื่อพรรคพลังประชาชน ไม่ว่าจะใช้ชื่อพรรคเพื่อไทย จุดแข็งเป็นอย่างสูง คือ การสร้างความเชื่อมั่น
เป็นความเชื่อมั่นในคะแนนและความนิยม
เป็นความเชื่อมั่นบนฐานแห่งความสำเร็จในการบริหารระหว่างเดือนมกราคม 2544 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2548
ผ่านรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง คนก็ยังเชื่อ
มีความพยายามบดขยี้ชื่อเสียงและเกียรติภูมิจาก นายทักษิณ ชินวัตร มายัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ตราบ ณ วันนี้ ชื่อของ 2 คนนี้ก็ยังขายได้
พรรคประชาธิปัตย์เจ็บปวดมาแล้วตั้งแต่ยุค นายชวน หลีกภัย ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ความเจ็บปวดนี้กำลังจะได้รับการพิสูจน์อีกครั้งในการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยมี คสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเป้าหมาย
นี่คือการรุกทางการเมือง ผ่านจำนวน 290 เสียง
ถามว่าบทบาทและความหมายของการเปิดผลโพล 290 เสียงนี้จะมีผลสะเทือนมากน้อยเพียงใดในทางการเมือง
คำตอบ 1 อยู่ตรงที่สังคม “เชื่อ” หรือไม่
คำตอบ 1 อยู่ตรงที่แนวโน้มและความเป็นไปได้หากมองผ่านคะแนนและความนิยมที่มีต่อพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ และรวมถึงพรรคประชาชาติ และล่าสุดคือพรรคไทยรักษาชาติ
คำตอบ 1 อยู่ตรงที่พันธมิตรในแนวร่วมของพรรคตระกูล “เพื่อ”
กล่าวสำหรับพรรคอนาคตใหม่นั้นเด่นชัดอย่างยิ่งว่ามีหลักการเดียวกันกับพรรคตระกูล “เพื่อ” แต่ที่ละเอียดอ่อนยิ่งกว่านั้นยังเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา อันถือได้ว่าเป็นพรรคในกลุ่ม “กั๊ก”
พร้อมเสมอที่จะยืนอยู่ข้าง “ชนะ”
คล้ายจะเอนไปทางพรรคพลังประชารัฐ แต่คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ผลการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ต่างหาก
เด่นชัดอย่างยิ่งว่า นี่คือกลยุทธ์ทาง “การตลาด” ระลอกล่าสุดอันมาจากพรรคเพื่อไทย เป้าหมายคือเขย่าขวัญและตัดไม้ข่มนามพรรคพลังประชารัฐ
เท่ากับเป็น “การตลาด” สู้กับ “การตลาด”
เพียงแต่ของพรรคพลังประชารัฐยังเลื่อนลอย เบาหวิวและฝากความหวังที่ “พลังดูด” ขณะที่พรรคตระกูล “เพื่อ” ผนึกพลังแกร่งจิตหนึ่งใจเดียว
คำถามอยู่ที่ว่า “สังคม” จะเชื่อใคร