อนาคตใหม่ บุกสยาม “ธนาธร” ซัด คสช.ทำชาติเสียหาย เขียนกฎหมายเอง ใช้ม.44ลบเอง ห่วงมั่วนับคะแนนอีก “ช่อ” หนุนกกต.เป็นกลาง แม้อยู่ใต้เผด็จการ
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่สยามสแควร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย นายรณวิต หล่อเลิศสุนทร รองหัวหน้าพรรค น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรค ร่วมทำกิจกรรม กรุงเทพขยับครั้งที่ 4 เดินหาสมาชิกพรรคที่สยามสแควร์ พร้อมนำเสนอวิสัยทัศน์ “ไทย2เท่า” โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วม เช่น นายณัทพัช อัคฮาค ว่าที่ผู้สมัครไพรมารีโหวตนอกจากนั้นยังมีสมาชิกพรรค ร่วมเดินรณรงค์หาสมาชิกด้วย เช่น นางพะเยาว์ อัคฮาค ญาติเหยื่อสลายการชุมนุมปี 2553 บรรยากาศเป็นไปอยากคึกคัก ได้รับความสนใจจากวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มาเรียนพิเศษและจับจ่ายซื้อของเป็นอย่างมาก ทั้งเข้ามาพูดคุยสอบถามและขอถ่ายภาพเซลฟี่
นายธนาธร กล่าวถึงคำสั่งคสช. ที่ 16/2561 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เลื่อนการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง ว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่ คสช. จะมีอำนาจเหนือ กกต. ฐานะผู้ที่มีอำนาจและหน้าที่ต่อการจัดการเลือกตั้ง รวมถึงการแบ่งเขตเลือกตั้ง ดังนั้นเพื่อให้การเลือกตั้งสง่างาม คสช. ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องดังกล่าว ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าคำสั่งดังกล่าวอาจเป็นเหตุที่นำไปสู่เงื่อนไขของการเลื่อนเลือกตั้ง เพราะความไม่พร้อมของบางพรรคการเมือง ซึ่งตนขอยืนยันในส่วนพรรคอนาคตใหม่ว่า มีความพร้อมต่อการเลือกตั้ง วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ยิ่งเลื่อนวันเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่ยิ่งเติบโต แต่ผมไม่ขอรับความได้เปรียบดังกล่าว และต้องการให้วันเลือกตั้ง เป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
“กฎหมายที่เขียนเอง ประกาศใช้เอง และใช้มาตรา 44แก้ไข ทำให้ประเทศชาติเสียหาย และทำให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ยาก สร้างปัญหาให้พรรคการเมือง อย่างไรก็ตามแม้จะมีอุปสรรคพรรคอนาคตใหม่ยืนยันจะเล่นตามกติกานั้น” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต. เชิญพรรคการเมืองหารือ วันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ได้หนังสือเชิญดังกล่าว ดังนั้นจึงให้คำตอบไม่ได้ในขณะนี้ แต่ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงตนมีข้อกังวลในหลายประเด็น อาทิ จุดนับคะแนนเลือกตั้ง ว่าจะนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง หรือ นำไปนำรวม ซึ่งตนมองว่าเพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ เสรีภาพได้อย่างเต็มที่ และไม่กังวลเรื่องอิทธิพลของคนในพื้นที่ที่จะกระทบต่อการดำเนินชีวิต กกต. ควรกำหนดให้นับคะแนนรวม ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการนำหีบบัตรลงคะแนนไปนับพื้นที่อื่น อาจจะพบการเปลี่ยนหีบบัตรงลงคะแนน ตนมองว่าไม่น่ากังวลเพราะมีเทคโนโลยี และประชาชนสามารถตรวจสอบได้
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่าขณะที่บัตรเลือกตั้งที่จะใช้กับการเลือกตั้งระบบใหม่ ที่หมายเลขผู้สมัครของพรรคในแต่ละเขตจะได้หมายเลขไม่ซ้ำกัน และต้องใช้บัตรใบเดียว ทำให้ 350 เขตต้องทำบัตรที่ไม่ซ้ำกัน โดยเรื่องดังกล่าวกกต. ยังไม่สร้างความชัดเจนว่าดำเนินการแล้วเสร็จหรือไม่ ขณะที่ลักษณะของบัตร หากไม่กำหนดรายละเอียดที่ทำให้ประชาชนทราบชัดเจน หรือ ไม่มีโลโก้พรรค อาจทำให้เกิดความสับสนต่อผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ขอให้กำลังใจและสนับสนุนการทำหน้าที่ของกกต. เพราะยอมรับว่าการทำงานขององค์กรอิสระภายใต้กลไกที่เป็นเผด็จการ ทำให้การทำงานไม่ง่าย และตนหวังว่า กกต. จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด