“บิ๊กตู่” เขียนจม.ข่าวรัฐบาล ยกปี 59 เป็นปีมหามงคล “ในหลวง” ทรงครองราชย์ 70 ปี เชิดชูกษัตริย์ผู้พอเพียง

(แฟ้มภาพ)

“บิ๊กตู่” เขียนจม.ข่าวรัฐบาล ยกปี 59 เป็นปีมหามงคล “ในหลวง” ทรงครองราชย์ 70 ปี เชิดชูกษัตริย์ผู้พอเพียง ระบุความโลภฉุดลงที่ต่ำ ชี้ต้องวัดความเจริญจากคุณภาพชีวิตคนในประเทศ

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เขียนคอลัมน์จากใจนายกรัฐมนตรีในจดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชนฉบับที่ 25 วันที่ 1 พฤษภาคมว่าวันที่ 5 พฤษภาคมปีนี้ เป็นปีมหามงคล เป็นวันฉัตรมงคลเฉลิมฉลอง 70 ปี แห่งการครองราชย์สมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกษัตริย์ผู้พอเพียงหาก ทรัพยากรบนโลกใบนี้ มีเพียงพอสำหรับทุกคน แต่มีไม่เพียงพอสำหรับคนโลภแม้เพียงคนเดียว เป็นสัจธรรมที่น่ากลัวแล้ว ความโลภที่เป็นมิตรการทุจริต แต่เป็นศัตรูการสุจริต น่ากลัวยิ่งกว่า บางคนมือถือสากปากถือศีลปล่อยความโลภฉุดลงสู่ที่ต่ำ กระทำการบกพร่องโดยสุจริต ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมืองน่ากลัวที่สุด ยาสามัญประจำครัวเรือน ประเทศ และโลกที่ถูกครอบงำด้วยวัตถุนิยม บริโภคนิยม คือ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ชาวโลกยกย่องว่าเป็นศาสตร์ที่สร้าง ความยั่งยืนให้กับมวลมนุษยชาติ ซึ่งผมเห็นว่ามีความลึกซึ้งครอบคลุมทุกมิติ หากเราทบทวนดูให้ดีแล้ว จะรู้ว่าการยึดหลักทางสายกลาง คืออะไร 1.มิติสังคมคือความพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่หรือความต้องการที่จำเป็น ไม่ใช่ความอยากมีอยากได้ ใช้จ่ายใช้ชีวิตสมฐานะ 2.มิติเศรษฐกิจ คือความประหยัดไม่ใช่ ทั้งความตระหนี่และความฟุ่มเฟือย 3.มิติสิ่งแวดล้อมคือ การใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดอย่างไรให้ยั่งยืน ต้องใช้อย่างประหยัด คุ้มค่า และรู้จักการทดแทน ผมเห็นว่าสำคัญที่สุด คือ 4.มิติการเมือง ในการสร้างสมดุล ทั้งในและระหว่างมิติทั้งสาม โดยต้องไม่ปลูกนิสัยที่ผิด ดำรงชีวิตด้วยความประมาท ไม่สร้างดีมานด์เทียม แต่ต้องผูกจิตสำนึกและบริหารประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

นายกฯ เขียนว่า รัฐบาลนี้จึงมุ่งการเผยแผ่นิยาม 3 ห่วง 2 เงื่อนไขตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประกอบด้วย ความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันบนเงื่อนไขความรู้และคุณธรรม โดยน้อมนำและประยุกต์หลักการ ไปสู่หลักปฏิบัติและนโยบายต่าง ๆ ใน 3 ระดับ คือ 1.ระดับราษฎร์โดยส่งเสริมการทำบัญชีครัวเรือน เพื่อลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ใช้เงินคุ้มค่าการออม สร้างหลักประกันและการลงทุนเพื่ออนาคตแก่ภาคครัวเรือน และการตั้งศูนย์การเรียนรู้ 882 แห่ง เพื่อเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพแก่ภาคเกษตรกรรม 2.ระดับรัฐโดยการจัดทำฐานข้อมูลกลาง เพื่อวางรากฐานและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินที่เน้นบูรณาการและความประสานสอดคล้อง ทั้งโครงการ งบประมาณ และทรัพยากร ที่สำคัญคือการปลูกฝังเยาวชนในสถานศึกษา เพื่อสร้างวัฒนธรรมความพอเพียง ที่คนมีจิตสาธารณะ ที่สังคมมีธรรมาภิบาลและการสร้างกลไกประชารัฐ เพราะประเทศชาติเป็นของทุกคน 3.ระดับโลก ด้วยการประชาสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แก่นแท้แห่งหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาร่วมกันที่ยั่งยืนเราและโลกจะต้องเข้มแข็งไปพร้อม ๆ กัน ไม่อาจทิ้งใครไว้ข้างหลัง

“หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแล้วมาตรวัดความเจริญของแต่ละประเทศ ไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งชี้วัดความเจริญทางเศรษฐกิจเท่านั้น หากแต่ต้องวัดคุณภาพชีวิต ที่สะท้อนระดับความสุขกาย สบายใจของประชาชนได้อย่างแท้จริงเป็นสำคัญ” นายกฯเขียน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image