“ธนาธร” เผยยอดสมาชิกอนค.ทะลุ 2 หมื่นคน 31ธ.ค.เปิดชื่อคนลงส.ส. 350 เขต

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  และทีมงานพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางไปพบปะพูดคุยและร่วมรับฟังปัญหา จากประชาชน และผู้ที่สนใจจะลงสมัครไพรมารี ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ ในจังหวัดนครปฐม ที่ร้านอาหารเชกอินเมลทวัน กำแพงแสน โดนนายธนาธร กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้อง ประชาชนทุกคน ที่ได้ตัดสินใจมาร่วมเดินทางกับอนาคตใหม่ด้วยกัน การเดินทางครั้งนี้ จะเป็นการเดินร่วมกันของทุกคน ไม่ใช่ของตนคนเดียว จากวันที่เราได้รับสถานะเป็นพรรค ในวันที่ 3 ตุลาคม จนถึงเวลานี้ นับเวลายังไม่ถึง 2 เดือน แต่เรามีสำนักงานประจำจังหวัดครบ 77 จังหวัดแล้ว มีสมาชิกร่วม 20,000 คน  และผู้ที่มีใจอาสาสมัครเข้าร่วมงานกับเรากว่า 2,000 คน จากทั่วประเทศ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมาก ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ต้องการเห็นสังคมที่ดีกว่าทุกวันนี้ ก้าวไปสู่อนาคตใหม่ที่ก้าวพ้นจากความขัดแย้งทางการเมือง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แล้วก็กลับเข้าสู่วงจรของเผด็จการ รัฐประหารเหมือนเดิม เราจะพัฒนาประเทศของเราในเรื่องใดไม่ได้เลย ถ้าไม่หยุดยั้งวงจรของเผด็จการ และต้องทำลายโครงสร้างที่กดทับสังคมไทยอย่างไม่เป็นธรรมให้ได้ก่อน วันนี้แม้เราจะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่เรายืนยันที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส. ลงแข่งขัน ให้ครบทั้ง 350 เขตเลือกตั้งอย่างแน่นอน ตนดีใจที่ในวันนี้ พรรคของเรามีการเติบโตได้เร็ว นั่นเป็นเพราะเรามีคนที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน มาอยู่รวมตัวกัน ตนคนเดียวไม่สามารถทำได้ จึงขอเชิญทุกคนมาร่วมเดินทางไปกับตน

นายธนาธร กล่าวว่า ในจังหวัดนครปฐมมีผู้สนใจลงสมัครเลือกตั้ง ไพรมารีโหวต ส.ส. ของพรรค ครบทุกเขตแล้ว ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่ ได้มีการเปิดรับสมัคร ผู้ประสงค์ลงสมัครไพรมารีโหวต เพื่อคัดเลือกเป็นผู้สมัคร ส.ส. มาตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม และได้ปิดรับสมัครไปแล้วในวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จากนี้ไป ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่างๆ ตามกระบวนการของพรรคต่อไป และจะมีการประกาศรายชื่อผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส. ในนามของพรรคทั่วประเทศ ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นนายธนาธร ได้เดินทางต่อไปที่ คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ เพื่อบรรยายพิเศษในหัวข้อ “การเมือง การปกครองของประเทศกำลังพัฒนา ประชาธิปไตยในไทย เปรียบเทียบกับสังคมโลก” โดยนายธนาธรกล่าวตอนหนึ่งว่า การเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ของทุกประเทศในโลกนี้ ไม่เคยเป็นเรื่องที่ง่าย ล้วนต้องผ่านความรุนแรง การต่อสู้ด้วยเลือดเนื้อ บาดเจ็บล้มตาย และการเสียสละของคนเป็นจำนวนมาก นับจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา 2549

Advertisement

ประเทศไทยต้องอยู่ภายใต้เงาของเผด็จการทหารมาแล้ว ถึง 12 ปี สังคมไทยต้องตกอยู่ในบรรยากาศของ hate speech การเกลียดชังกันอย่างร้าวลึก ซึ่งความขัดแย้งทางการเมืองเหล่านี้ เป็นตัวฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าของชาติ ทำให้ประเทศของเรามีอัตราการเติบโตในทุกด้านต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริงที่ควรจะเป็น

“ไทย กับ เกาหลีใต้ เคยอยู่ในจุดที่ฐานะทางเศรษฐกิจ จนเท่ากันมาก่อน เพราะเมื่อก่อนเกาหลีใต้ก็ต้องเผชิญกับปัญหาการวนเวียนอยู่ในวงจรของรัฐประหารเช่นเดียวกับไทย แต่หลังจากเหตุการณ์ที่กวางจู “Kwangju Democratic Uprising” ในปี 1980 ที่ประชาชนลุกฮือขึ้นมา ต่อสู้กับเผด็จการทหาร จนเกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในที่สุดแล้วก็นำมาซึ่งการได้ล้มล้างผลพวงของรัฐประหารทั้งหมดในเวลาต่อมา นับจากนั้นมา ก็ไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นในเกาหลีใต้อีกเลย ถึงทุกวันนี้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอย่างสูงในทุกด้าน ทิ้งห่างประเทศไทยไปมากแล้ว หลังจากที่ประสบชัยชนะในการนำทหารออกจากการเมืองได้” นายธนาธร กล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการบรรยายในชั้นเรียน มีนักศึกษาให้ความสนใจ มีส่วนร่วมเสนอแนะความคิดเห็น พร้อมทั้งได้อภิปรายไปในทางเดียวกันว่า ทุกวันนี้ได้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนแล้วว่า การเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว เป็นเรื่องในชีวิตประจำวันของคนทุกคน ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัว น่ารังเกียจ อย่างที่เคยรู้สึกกันมาอีกต่อไป จึงนับเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ได้เห็นว่า คนรุ่นใหม่ทุกวันนี้มีความคิดที่พร้อมจะเข้ามามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย และพรรคอนาคตใหม่ ก็เชื่อในพลังบริสุทธิ์ของคนรุ่นใหม่ ที่จะมีบทบาทอย่างมากในการสร้างประเทศไทยไปด้วยกัน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image