ไม่ว่าสภาพที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประสบที่สวนหลวง กทม. ไม่ว่าสภาพที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประสบเมื่อเดินไปในห้างมหาราช กระบี่
กำลังส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางความคิดและในทาง การเมือง
แม้ว่าจะเป็นสภาพอันเกิดจากคนเพียงคนเดียวหรือ 2 คน
คล้ายกับการประท้วงแสดงความไม่พอใจจะรวมศูนย์ไปยังตัวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นด้านหลัก แต่อย่าลืมว่าภารกิจ “เดินคารวะแผ่นดิน”ครั้งนี้กระทำในนามอะไร
คำตอบอันแน่ชัดอย่างยิ่ง 1 เพื่อฟื้นความหลังไปยังมวลมหาประชาชน และ 1 เพื่อหาสมาชิกให้พรรครวมพลังประชาชาติไทย
นี่เท่ากับเป็นการรื้อ “อดีต” เพื่อเป้าหมายในทางการเมือง
ปฏิกิริยาและผลสะเทือนในทางความคิด ในทางการเมืองมิได้มาจากคนที่เห็นไปในทางตรงกันข้ามกับสภาพอันเคยเกิดขึ้นโดยฝีมือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก่อนรัฐประหารอย่างเดียว
หากแต่ยังเป็นห่วงและไม่พอใจต่อผลสะเทือนอันเกิดขึ้นในปัจจุบันอีกด้วย เห็นจากการตั้งกรรมการสอบ นายถาวร เสนเนียม
เพียงเพราะ นายถาวร เสนเนียม เปิดประตูบ้านให้การต้อนรับการไปของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณและคณะ
เท่ากับปฏิเสธบทบาทของ”เดินคารวะแผ่นดิน”ไปด้วย
ผลที่ตามมาไม่ว่าจากกรณีสวนหลวง กทม. จากกรณีห้างมหาราช กระบี่ ตลอดจนการตั้งกรรมการสอบพฤติการณ์ของสมาชิกบางคนแห่งพรรคประชาธิปัตย์
ไม่เพียงแต่เป็นการวิพากษ์โดยตรงไปยังกรณี”ชัตดาวน์” หากแต่ยังเสนอคำถามไปยังบทบาทและความหมายของ”รัฐประ หาร”เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ไปด้วย
เท่ากับลากยาวไปยังบทบาทความหมายของ”คสช.”
ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณและพรรครวมพลังประชาชาติไทยมาด หมายว่าปฏิบัติการ”เดินคารวะแผ่นดิน”จะสร้างคะแนนและเพิ่มจำนวนสมาชิกพรรค
สภาพก็มิได้เป็นไปตามความคาดหมายอย่างตรงแน่ว
ตรงกันข้าม ตลอด 2 รายทางได้ส่งผลกระทบไม่ว่าคสช.ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ จำเป็นต้องเข้าไปแบกรับคนละอย่าง 2 อย่าง
นี่ย่อมเป็นแรงสะเทือนจาก”เดินคารวะแผ่นดิน”