น.2รายงาน : เปิดวิสัยทัศน์พรรคการเมือง นำคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21

หมายเหตุคณะทำงานเครือข่ายสื่อมวลชน ในคณะอนุกรรมการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 จัดเวทีหัวข้อ “การเมืองไทยกับการสร้างคนไทยศตวรรษที่ 21” โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ที่อาคารศูนย์การเรียนรู้ชั้น 2 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส

โภคิน พลกุล
แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)

คนเราจะต้องไม่มีอคติหรือเชื่ออะไรง่ายๆ หรือคิดแต่จะไปหลอกคนอื่น ซึ่งหลายคนแสดงความคิดเห็นและวิธีแก้ไขว่าอยากเห็นสังคมเป็นอย่างไร แต่เราต้องมองโลกไปทางไหน ซึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ได้วิเคราะห์ภาพเมืองไทยแบบที่พอรับได้ แต่ปัญหาคือคนที่ทำให้มีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่เคยปฏิบัติ ซึ่งคนที่ออกควรเป็นตัวอย่างไม่ใช่ทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม นี่เป็นเรื่องใหญ่ซึ่งในพรรคเพื่อไทยก็มีการพูดถึงแต่ไม่ใช่การโจมตี

Advertisement

หลายครั้งที่ไปบรรยายมีการถามผมว่า ประเทศไทยใครเป็นเจ้าของ ผมตอบไปว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าถาม เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศตั้งแต่ 2475 ที่สำคัญทุกครั้งที่มีการยึดอำนาจไม่เคยมีผู้ใช้อำนาจคนไหนไม่เขียนในรัฐธรรมนูญชั่วคราวว่า อำนาจไม่เป็นของประชาชน แต่เป็นของข้าพเจ้า ทุกฉบับเขียนว่าอำนาจเป็นของประชาชนทั้งสิ้น แต่ข้าพเจ้าเป็นคนใช้

10 ปีที่ผ่านมาคนไทยสับสนกับนโยบายประชานิยม พรรคเพื่อไทยในอดีตตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ได้เสนอนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เพราะมองปัญหาเศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนที่ฐานราก แต่รัฐบาลนี้เอามาใส่ทุกอย่าง อยู่มาจะ 5 ปี คนข้างล่างไม่มีอำนาจซื้อ จะมองข้ามสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร ในเมื่อบอกว่าจีดีพีโตขึ้น แต่สัดส่วนรายได้อยู่ที่คนจำนวนน้อยนิดที่เหมือนกับทั่วโลก ชาวบ้านจึงรู้สึกไม่เสมอภาค เราก็ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้กัดกินประเทศ นี่คือเรื่องสำคัญ ดังนั้นเพื่อให้เป็นตามอุดมการณ์ที่อยากเห็นไทยสมาร์ทภายใต้โลกยุคใหม่ การเมืองต้องเป็นประชาธิปไตย ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงและกำหนดประเทศไม่ใช่มีส่วนร่วมแค่วันเลือกตั้งแต่ต้องมีตลอดเวลา ดังนั้นเราต้องตอบคำถามตัวเองว่า เราอยากเป็นนายของประเทศ หรือให้คนอื่นมาเป็นนายแล้วเรารับใช้ ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ ประเทศก็จะก้าวพ้นสิ่งเหล่านี้ไม่ได้

วันนี้มาถึงคำที่ว่า ถ้าข้าพเจ้าใช้อำนาจเบ็ดสร็จในทางไหนก็ได้ เขียนรัฐธรรมนูญ ให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย บทบัญญัติที่เขียนมาให้เสรีภาพมากมายกว่า 200 มาตรา ไม่มีความหมาย แพ้มาตรา 279 มาตราเดียว ทำไมต้องออกมาตรา 44 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งไม่มีความจำเป็น ก็เพราะว่าถ้าคุณทำอะไรผิด แม้จะผิดก็ถือว่าถูก เพราะมาตรานี้ แต่พวกเราพูดถึงเรื่องนี้น้อยมากทั้งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ แล้วจะให้คนมีคุณธรรม มีจริยธรรม มีความสุจริตได้อย่างไร ในเมื่อเริ่มต้นก็กุมอำนาจประชาชนไปแล้ว เราต้องเอาอำนาจของประชาชนกลับคืนมา เราต้องเข้มแข็งในส่วนนี้ อย่าให้ใครมาโกงอำนาจอธิปไตยอีก

Advertisement

ดังนั้น อำนาจนิยมวันนี้ไม่พอ เพราะไม่สร้างโอกาสหรือลดรายจ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าชาวบ้านถูกหล่อหลอมคงไปไม่ได้ ถึงแม้เราจะรู้ว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ แต่จะให้ประชาชนลุกขึ้นมาบอกว่า ฉันเป็นเจ้าของอำนาจได้อย่างไร เราจึงต้องก้าวพ้นการเมืองแบบเดิม

นิกร จำนง
ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)

ยุคนี้มีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว นี่คือปัญหาของเรา ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีประสบการณ์การเปลี่ยนแปลง ทุกประเทศมีรากฐานของเขา ตนมองว่าก่อนถึงศตวรรษที่ 21 เราต้องค้นหาตนเองก่อนหรืไม่ ดังนั้นเราควรเอาอย่างหลักคิดของปราชญ์ที่ยอมรับจากทั่วโลก เช่น ซุนวู มีหลักการ 2 ประเด็น คือ 1.รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตอนนี้เราต้องรู้เราก่อนว่า ประเทศไทยและความเป็นไทยมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไรบ้าง ตรงนี้ต้องใช้ความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติสร้างความสัมพันธ์ รู้กำพืดตัวเอง เราต้องเอาสิ่งที่แผ่นดินนี้มีให้มาสร้างประโยชน์ให้กับเรา ไม่ใช่ฝันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และ 2.เรียนรู้วัฒนธรรมตนเอง ประเทศไทยกลายเป็นแรงบันดาลที่ทุกคนทั่วโลกบอกว่า ต้องมาสักครั้งก่อนตาย เราเป็นศูนย์กลางการค้าจากอาเซียน คนไทยยุคหน้าต้องดูแลศักยภาพตรงนี้ให้เป็นศูนย์กลางของโลก ต้องดูแลให้ดีและมีประโยชน์ต่อตนเอง

ส่วนการเรียนรู้เขา คือ รู้เพื่อนบ้านรอบอาเซียน รู้มิตรสหายทั่วโลก ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนให้ได้ การเรียนรู้คบหามิตรประเทศมายาวนาน แม้จะมีเหตุการยึดประเทศกี่ครั้ง สหภาพยุโรปยังคบกับเรามายาวนาน เราต้องเรียนรู้ภาษาเพื่อให้ทันโลกเรียนรู้ให้ทันสมัย เรียนรู้ในฐานะผู้ลงทุนร่วม ติดตามเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและการปลี่ยนแปลง การพัฒนาประเทศต่อไปนี้ต้องมีตัวปรับและตัวเชื่อม ถ้าเราทำได้ธุรกิจของอาเซียนจะมารวมกันอยู่ตรงนี้

ประเทศจะเดินไปได้ต้องมีการเมืองเป็นผู้ขับ มีประชาชนตามหลัง ดังนั้นการขับตรงนี้ต้องมีเป้าหมายและแผนที่ พรรค ชทพ.มีอุดมการณ์ให้ๆ ในข้อบังคับ เรายืนยันว่าประเทศไทยต้องยืนอยู่กับหลักการชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และสร้างความสามัคคีของชาติ ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในชาติ และปรับระบบการศึกษามุ่งมั่นก้าวไกลพัฒนาให้ทันสมัย

กนก วงษ์ตระหง่าน
ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

ในเรื่องของการมีความรู้จะต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกให้ได้ มีฐานความรู้ที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เพราะโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่สิ้นสุด และความรู้จะต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง รวมถึงทักษะการปฏิบัติที่จำเป็น นอกจากนี้ ความรู้พื้นฐานจะต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง ทักษะปฏิบัติที่จำเป็นคือ การคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ ความร่วมมือและการอยู่ร่วมกับคนอื่น ทักษะการสื่อสารและความเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งทักษะปฏิบัติจะสามารถนำความรู้มาทำงานเป็นทีมได้

ในเรื่องจริยธรรมที่จะต้องยึดถือไปตลอดชีวิต การสอนจริยธรรม จะต้องสอนจากการปฏิบัติจริง อย่างเรื่องหนี้บุญคุณและเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวม เราต้องมีส่วนร่วมจะต้องทำให้ได้ทั้งสองทาง พรรค ปชป.เห็นอัตลักษณ์ของคนไทย การศึกษาการเรียนรู้จะไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในโรงเรียน แต่ต้องเกิดขึ้นในชุมชนและชีวิตจริง เราสร้างคนไทยเพื่อที่จะให้คนไทยเหล่านี้เป็นต้นทุนเพื่อประกันความเจริญก้าวหน้าในประเทศ และค้นหาแนวทางวิธีปฏิบัติของสังคมไทย

คนไทยในศตวรรษที่ 21 จะช่วยแก้ปัญหาพื้นฐานของชาติใน 3 เรื่อง ได้แก่ ความยากจน ความไม่รู้ และความขัดแย้งแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกัน ความเหลื่อมล้ำในสังคมล้วนมาจากรากฐานทั้ง 3 เรื่องนี้ แต่เราจะทำอย่างไรไม่ให้มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะเราไม่มีเวลาแล้ว เราต้องเลิกทะเลาะกัน การเมืองต้องปลอดจากการต่อสู้ และการแข่งขันของนักการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ เรื่องนี้เป็นเรื่องของทุกพรรคการเมืองที่จะต้องร่วมแรงร่วมใจทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้น

ดังนั้นการเมืองต้องนิ่งและการศึกษาจะต้องเดินหน้าให้ได้ อย่าส่งคนที่จะทดลองความคิด หรือคนที่อยากจะขอโอกาสที่จะมาทำ เพราะเด็กของเราเป็นหนูตะเภามานานเกินพอแล้ว เราต้องการคนที่รู้จริง มีประสบการณ์จริง และมีผลเชิงประจักษ์ต่อความสำเร็จจริง เพื่อนำมาขยายประโยชน์ให้กับเด็กไทยอีกสิบกว่าล้านคน

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
โฆษกและทีมยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทย (ภท.)

ผู้นำประเทศจะได้รับความท้าทายมากกว่าที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งกระบวนการปัญญาประดิษฐ์ และโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และใน 10 ปีข้างหน้าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับทุกรัฐบาลอาชีพดั้งเดิมกำลังจะเสื่อมถอยลง เรากำลังสร้างชนชั้นมากขึ้น ถ้าไม่ยอมปล่อยให้ประชาชนได้ทำงานในรูปแบบที่เขาหากิน วันนี้เราทะเลาะกันเรื่องแท็กซี่ แต่อีกไม่นานก็จะจบ เพราะเราไม่สามารถปฏิเสธเทคโนโลยีใหม่ได้ ต่อไปอุตสาหกรรมเก่าจะต้องต่อสู้กับอุตสาหกรรมใหม่ แล้วอุตสาหกรรมใหม่จะเป็นผู้ที่อยู่รอด

ต่อไปประเทศไทยจะพบกับปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือ ปัญหาผู้สูงอายุที่มีตัวเลขชัดเจน ถ้าเรายังทำการสอนโดยไม่ปลดปล่อยอาชีพที่ควรจะปลดปล่อย เราจะพบปัญหาที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ คือ สังคมผู้สูงอายุช่วยเหลือกันเอง ดังนั้น ต่อไปนี้ต้องกำหนดนโยบายที่ทันสมัยและตอบโจทย์ปัญหาประเทศไทยได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image