‘ปึ้ง’ได้ที บอกแก้กม.เช่าที่สมัย‘แม้ว’ก็เคยจะทำ ขอเรียกรธน.มีชัยว่า‘ฉบับช่วยกันโกง’

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 25 มกราคม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า การที่โฆษกรัฐบาลออกมาชี้แจงเรื่องการที่รัฐบาลนี้จะแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายเวลาการเช่าที่ดินของรัฐให้ต่างชาติเช่าจาก 50 ปี เป็น 99 ปี เพื่อที่จะดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนเช่าที่และประกอบธุรกิจในไทย เพื่อแข่งขันกับเพื่อนบ้านเราในอาเซียนได้ จึงอยากถามว่ารัฐบาลนี้ไม่กลัวหรือว่าประชาชนจะออกมาคัดค้านโจมตีว่ารัฐบาลนี้กำลังคิดจะขายชาติขายแผ่นดินกินหรืออย่างไร

ถ้าจำกันได้ สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยมีแนวคิดริเริ่มที่จะให้ต่างชาติเช่าที่ดินเพื่อลงทุนทำประโยชน์และทำธุรกิจ นายทักษิณก็ถูกโจมตีและต่อต้านจากหลายๆ ฝ่าย ว่าคิดจะขายชาติขายแผ่นดินกินและในตอนนั้นนายทักษิณก็เป็นผู้คิดริเริ่มก่อนใครเพื่อนและคิดนำหน้าประเทศเพื่อนบ้านเราในอาเซียนทั้งหมด วันนี้รัฐบาลนี้เพิ่งจะคิดได้ที่จะให้ต่างชาติเข้ามาเช่าที่ได้ถึง 99 ปี และยังบอกว่าไม่ได้ลอกแนวคิดนายทักษิณ ก็ไม่ว่ากันหรอกอะไรที่ดีกับประเทศพวกท่านทำกันไปเถอะ และก็คิดว่าคงไม่มีใครกล้าออกมาคัดค้านโจมตีพวกท่าน เพราะรัฐบาลนี้มีตัวช่วยและอาจจะใช้มาตรา 44 บังคับได้อยู่แล้ว เหมือนกับรัฐธรรมนูญ ที่กำลังร่างใกล้จะแล้วเสร็จอยู่ในขณะนี้ ตอนช่วงก่อนทำประชามติก็อาจจะมีการใช้มาตรา 44 บังคับไม่ให้มีการแสดงความคิดเห็นที่เป็นปฎิปักษ์กับรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยนี้ก็เป็นไปได้

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า และทุกวันนี้ก็ยังมีคำสั่งของคสช.ที่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง ห้ามประชุมหรือชุมนุมทางการเมือง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ซึ่งก็จะเหมือนกับที่เคยทำกันมาแล้วตอนที่มีการโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2550 ซึ่งในขณะนั้นมีการประกาศกฎอัยการศึกอยู่ ดังนั้นจึงเชื่อว่าในครั้งนี้ประชาชนก็จะได้ฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ จากฟากฝั่งเดียวเท่านั้นเช่นกัน ส่วนความเห็นต่างจากอีกฟากฝั่งหนึ่งประชาชนก็จะไม่มีโอกาสได้ยินได้ฟังอย่างแน่นอน แล้วแบบนี้เขาเรียกกันว่าเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ขอให้ กรธ.ช่วยตอบคำถามนี้ให้กระจ่างด้วย และก็ไม่อยากให้ประชาชนหลงเชื่อไปว่า ให้รับๆ กันไปก่อนแล้วค่อยไปแก้ในภายหลัง

นอกจากนี้ อยากให้ประชาชนได้เข้าใจนักการเมืองด้วยว่าถ้าหากกฎกติกาที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นธรรมและมีขบวนการใช้อำนาจแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ก็คงไม่มีประโยชน์ที่นักการเมืองจะต้องลงเล่นการเมืองภายใต้กฎกติกาที่กรรมการมาร่วมวงเล่นด้วยเพราะในที่สุดก็หลีกหนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์ที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้จักจบสิ้น นักการเมืองก็จะตกเป็นเฉลยของสังคมอยู่ตลอดไป ทั้งนี้ อยากถามคนไทยว่าการทุจริตโกงบ้านกินเมืองยังดำรงคงอยู่หรือไม่ทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีนักการเมืองแม้แต่คนเดียว และแบบนี้จะเรียกกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงได้อย่างไร น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับช่วยกันโกง น่าจะดูเหมาะสมกว่าใช่หรือไม่