“นายกฯ”ยันห้ามรณรงค์รับ-ไม่รับ ลั่นหยาบคาบ-ปลุกปั่นไม่ต้องตีความ จะอะไรกันนักหน้า ปัดโธ่!!

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุเพิ่มเติมเรื่องข้อปฏิบัติตาก 6 ข้อทำได้ 8 ข้อทำไม่ได้ ในการแสดงความเห็นประชามติ ว่า เมื่อกฎหมายออกมาก็รับฟัง และเห็นว่าไม่ได้ขัดแย้งอะไร แต่สิ่งที่ตนห้ามนนั้น คือการรณรงค์ให้รับหรือไม่รับ แต่การอธิบายทำความเข้าใจต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล ทั้งหมดนี้อยู่ที่เจตนาคนทำ เมื่อถามว่า นายสมชัย ระบุว่า สามารถรณรงค์ให้รับแต่ต้องมีเหตุผลทางวิชาการ นายกฯ กล่าวย้อนว่า เขาไม่ให้พูดไม่ใช่หรือ การรับหรือไม่รับ ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาเหตุผลมา

“วิชาการอะไร วิชาการต่อต้านฉันหรือ หลักการวิชาการ ทั้งนั้นแหระ คือต่อต้านรัฐบาล วิชาการเขามีแบบนี้หรือ วิชาที่ไหนสอน ทำงานบ้านเมืองวุ่นวาย สับสน คนถูกบิดเบือน ปลุกระดมให้เกิดความขัดแย้ง วิชาการที่ไหนเขาสอน มีประเทศนี้แหละสอน แต่ทั้งหมดไปถามกกต.ให้เขาชี้ เพราะเขาเป็นคนเขียนกฎหมาย อย่าให้เราตัดสิน ถ้าตัดสินตีกันเมื่อไหร่ก็ทั้งคู่” นายกฯ กล่าวและว่า เรื่อง 6 ข้อที่ทำได้ และ 8 ข้อที่ทำไม่ได้นั้น ออกมาเพื่อไม่ให้มีการบิดเบือน ไม่ให้มีการชักจูง ให้ทุกคนมีสิทธิ์ บอกว่าถ้าไม่ให้พูด คุณพูดเองคุณก็ล้มคำพูดของตัวเอง ถ้าไม่ชี้แจงอย่างนี้ ให้เห็นข้อดี ข้อเสีย ไม่ชักจูงเขา ประชาชนก็ไม่รู้ แล้วบอกว่าประชาชนเรียกร้อง เขาเรียกร้องเพราะเขาไม่รู้หรือ ท่านบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องหรือ เขารู้ แต่เขาสับสน คนเหล่านี้ออกมาพูดจะทำให้สับสน

เมื่อถามถึงความคลุมเครือในความหมายของคำว่าปลุกปั่น ยั่วยุ ในการทำประชามติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “ถ้ามีสำนึกเป็นคนไทยจะแยกออก ว่าอะไรคือปลุกปั่นไม่ปลุกปั่น บ้านเมืองจะทำประชามติ จะไปล้ม ถามว่าแบบนี้ปลุกปั่นหรือไม่ ปัดโธ่ ก็เขาเขียนห้ามรณรงค์รับหรือไม่ แล้วต้องไปดูอะไรอีกหรอ จะดูบ้าน ดูครัวหรืออย่างไร พฤติกรรมก็เห็นอยู่แล้ว นักข่าวก็ถามเพื่อยั่วอารมณ์ทั้งนั้น แล้วมาหาว่านายกฯหัวเสีย ผมไม่ได้หัวเสีย บางครั้งผมก็แกล้ง ไปอย่างนั้น”

เมื่อถามว่า กังวลจะถูกนำไปตีความหรือไม่ นายกฯ กล่าวเสียงดัง ว่า “ปัดโธ่ จะไปตีความอะไรหนักหนา คำหยาบคายไม่รู้เหรอ จะต้องไปตีความใครอีกวะ ไม่รู้เหรอคำหยาบคาย พูดให้ฟังไหม คำว่าหยาบคายเป็นสิ่งที่ผู้ที่สติปัญญา หรือผู้ที่เป็นวิญญูชน พึ่งสำนึกได้ ด้วยความเป็นคน อะไรที่หยาบคาย อะไรที่คลุมเครือ การพูดจาบิดเบือนจากข้อเท็จจริง มันชัดไหม ส่วนเรื่องการพูดจาในเชิงที่ชักชวนให้รับหรือไม่รับ ชัดไหม การพูดจาที่มีเจตนาบริสุทธิ์ พูดให้เห็นข้อดี ข้อเสีย โดยไม่มีการชักจูงอารมณ์ แล้วจะไปตีความอะไรหนักหนา ใครจะไปตีให้มันยุ่งวะ ทุกวันยุ่งไม่พอหรือไง ผมอยากจะเอาคนมาติดคุกให้มากขึ้นหรือไม่ ก็มองกันอยู่แค่นี้ แล้วคุณก็ไปฟังคนที่ชอบทำผิดกฎหมายอยู่นั้น มาสู้ให้คนที่ทำถูกกฎหมายเขาปวดหัว อยู่ทุกวัน คุณไม่รู้หรอ รู้แล้วทำไมไม่ถามบ้าง คนนี่ไม่รู้ เดี่ยวไปพูดกันเองนะ อะไรที่หยาบคายไม่หยาบคาย อะไรที่พูดเท็จ พูดบิดเบือน เขาเขียนอย่างนี้มันง่ายๆ เลย ไม่ต้องไปตีความ มันชอบติดคำว่าติดความ ตีความรัฐธรรมนูญ ตีความกฎหมายก ตีกันไปนั้นแหล่ะ มันเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดความบริสุทธิ์ใจในเรื่องกระบวนการ เขาถึงมีทนาย ท่านก็รู้อยู่ว่า บางทนายคนดี คนผิดก็หลุดไปทุกคดี เพราะเขาสู้กันด้วยหลักฐาน กฎหมายเขาเขียนอย่างนั้น มองทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ตลอด ซึ่งผมก็มองตรงนี้ พอบริสุทธิ์แล้วมาพูดจาขัดต่อกฎหมายชัดเจน ผมก็รับไม่ได้”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image