‘ดำรงค์ พิเดช’ ชูธงทวงคืนผืนป่า ชิงส.ส.ศึกเลือกตั้ง’62

“พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย เรารู้เรื่องป่าเรื่องเดียวพอ เรื่องอื่นเราไม่รู้ ถ้าแค่ไปจำมา ไปอ่านมา ไม่รู้จริง พอจะทำ ทำไม่ได้ มันเสียหาย” ความในใจของ ดํารงค์ พิเดชŽ หัวพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย

ดํารงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตัดสินใจลงเล่นการเมือง หลังจากเกษียณอายุราชการได้ 2 ปี โดยได้รวบรวมสมัครพรรคพวกพี่น้อง ที่มีอุดมการณ์และแนวทางการทำงานเดียวกัน ลงขันกันตั้งพรรคการเมือง ชื่อพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย (ทป.) เป็นพรรคการเมืองเฉพาะทาง ที่เขาบอกว่า จะทำงานด้านป่าไม้อย่างเดียวเท่านั้น อย่างอื่นก็ให้พรรคอื่นที่ถนัดทำไป นับจากบรรทัดนี้ไปคือความพร้อมและความคาดหวังของพรรค ทป.ในการเลือกตั้ง ส.ส.ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562

‘พรรคทวงคืนผืนป่ากับการเลือกตั้ง
พรรคทวงคืนผืนป่าเป็นพรรคขนาดเล็ก การหาสมาชิกพรรคก็ทำตามที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อให้ครบตามที่กฎหมายกำหนด ผู้สมัคร ส.ส.ได้เตรียมไว้บ้างแล้ว ส่วนเรื่องงบประมาณมีไม่มาก จะทำเท่าที่ทำได้ ผู้สมัคร ส.ส.ส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่ทำงานตามป่าเขาอยู่แล้ว ประธานป่าชุมชุมบ้าง หรือคนที่ทำงานเรื่องการอนุรักษ์อยู่แล้ว จะทำเท่าที่ทำได้

‘ตั้งเป้าอย่างไร สำหรับเก้าอี้ ส.ส.ในการเลือกตั้งปีž’62
เรื่องตั้งเป้าได้แค่คิดในใจ แต่ผลสุดท้ายคือ ประชาชนเป็นคนเลือก ผมไม่รู้ว่าจะได้สักเท่าไร แม้กระทั่งตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็น ส.ส.หรือเปล่า ได้แค่ไหนแค่นั้นหมายความว่าขึ้นอยู่กับว่าประชาชนจะเลือก คาดว่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ คะแนนประมาณ 7 หมื่นกว่าๆ ก็อาศัยคะแนนเสียงจากลูกน้องเก่าบ้าง ชาวบ้าน หรือเจ้าหน้าที่ปัจจุบันที่ยังศรัทธาเราอยู่บ้าง จะได้ถึง 7 หมื่นหรือเปล่าไม่รู้ หรืออาจจะได้มากกว่า 7 หมื่นก็ได้
‘

Advertisement

ได้พบปะพูดคุยกับคนที่จะเป็นฐานเสียงพรรค ทป.บ้างหรือไม่
การไปพบผู้คน ไปตลอด แต่ส่วนใหญ่จะไปเรื่องงานมากกว่า จะพูดตลอดว่า ทำให้ไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเลือกพรรคผมนะ แต่เหตุการณ์ป่าไม้ของประเทศเวลานี้มีทั้งรุนแรง และไม่รุนแรงเต็มไปหมด อย่างเหตุการณ์ที่ปลายพระยา จ.กระบี่ เป็นที่เช่าที่หมดอายุแล้ว ชาวบ้านก็ทำกิน อยากมีที่ทำกิน หาของป่าไป ได้เงินมาเจ้าหน้าที่ของรัฐก็มาขูดรีด ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งไปอยู่กับกลุ่มทุน ก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น ผมไปนั่งแก้ให้ว่าแนวทางต่อไปนี้ ระเบียบราชการ การเก็บหาของป่าทำกันอย่างไร พอเก็บหาของป่าเสร็จ ต่อไปก็ทำเรื่องเช่าป่า เพราะที่ดินบริเวณนั้นเป็นของรัฐ เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่เป็นป่าเสื่อมโทรม เป็นที่ปลูกปาล์ม ปลูกยางพารา เพราะฉะนั้นต่อไปนี้บริเวณนั้นก็เป็นที่ทำกินของชาวบ้านหลายพันครอบครัว คือทำให้มันถูกต้องบ้านเมืองจะได้สงบ เป็นประโยชน์ของราชการด้วย

‘เสียงตอบรับของชาวบ้านเป็นอย่างไรเมื่อลงพื้นที่
ชาวบ้านทุกคนเมื่อไปพบเขาจะถามว่า เลือกตั้งแล้วจะได้อะไร อีกกลุ่มหนึ่งจะถามว่า ประเทศชาติจะได้อะไร ชาวบ้านในพื้นที่ป่าเขาถามว่า ทำอย่างไรถึงจะมาแก้ไม่ให้เขาถูกจับกุม ทำกินได้ไม่ถูกจับ อย่าลืมว่าต้นยางพาราไปทำเฟอร์นิเจอร์เวลานี้ทางสหภาพยุโรป (อียู) ต้องตรวจสอบก่อนว่ามาจากพื้นที่ที่ถูกต้องไหม รุกป่าหรือไม่ มีใบรับรองคุณภาพ แหล่งที่มาที่ไปหรือไม่ ถ้าไม่มีใบรับรองคุณภาพเขาก็ไม่เอา
วันนี้สวนยางพาราในภาคใต้กว่า 3 ล้านไร่ ที่เข้าไปในป่า ป่าสงวนแห่งชาติกว่า 2 ล้านไร่ อุทยานแห่งชาติอีกล้านกว่าไร่ พวกนี้อยู่กันแบบผิดๆ อย่างนี้ และทำให้พวกที่อยู่อย่างถูกต้องพลอยเสียหายไปด้วย ต่อไปนี้ก็ทำเรื่องเช่าป่าไร่ละ 10 บาท เป็นรัฐรับรอง วันนี้ก็ให้ทำแบบเช่า เหตุการณ์ฝนตก น้ำท่วม ที่ได้รับความเสียหายจะได้รับค่าชดเชย ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลคิดจะแก้อย่างไร แต่แนวทางของผมจะเป็นแบบนี้ ว่าป่าสงวนฯที่เป็นป่าเสื่อมโทรม ชาวบ้านบุกเข้าไปทำกินต้องเช่าทั่วประเทศ

กรณีการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่ามี 4 แบบ ตามความเร่งด่วน อาทิ 1.พื้นที่ต้นน้ำลำธารอันนี้สำคัญมาก เป็นที่สำคัญที่ต้องการจะส่งเสริมปลูกป่าต้นน้ำลำธาร มีประมาณ 30-40 ล้านไร่ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไม่มีทางเลย การปลูกป่าที่ดีที่สุดคือการให้ประชาชนได้ปลูกด้วยมือของเขาเอง ให้มีรายได้จากสิ่งที่ปลูก สิ่งที่เขาจะทำคือ จะต้องดีกว่าที่เคยทำมาแต่เดิม เช่น เคยปลูกกะหล่ำปลี ปลูกข้าวโพด ได้ไม่เท่าไร แต่เมื่อปลูกไม้ป่า เป็นไม้หวงห้าม 171 ชนิด เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก 158 ชนิด ไม้หายากอีก 13 ชนิด ก็เลือกเอา ต้นไม้จะโตตามภูมิประเทศ กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ มีหน้าที่จะต้องเพาะกล้าไม้ในพื้นที่ต้นน้ำลำธารให้ไปปลูกในไร่ข้าวโพด ไร่กะหล่ำปลี ไร่ละ 100 ต้น พื้นที่ 4 คูณ 4 จากนั้นก็คิดคำนวณที่เรียกว่า ค่าคาร์บอนเครดิตให้พวกเขา เป็นรายปี มีรายได้ดีกว่าข้าวโพด กะหล่ำปลี ไม่ต้องใช้สารเคมีด้วย พรรค ทป.มีนโยบายคือ เพิ่มพื้นที่ป่า ลดสารเคมี สู้โลกร้อน

Advertisement

2.ป่าสงวนแห่งชาติ คือรัฐก็ทำ แบ่งเป็นป่าต้นน้ำ ชาวบ้านที่อยู่ในป่า แบ่งเป็นอยู่ก่อน 30 มิถุนายน 2541 กับอยู่หลัง ถามว่าอยู่แล้วเอาไปไหน ก็อยู่ อยู่แบบนั้น จะให้ทำอย่างไรค่าเช่าก็ไม่ได้ เปลี่ยนมาเป็นเก็บค่าเช่า เป็นโฉนด อบต. หรือโฉนดกรมป่าไม้ คือชาวบ้านอยู่อยู่แล้ว ถามว่าควบคุมได้ไหม ใครจะไปคุมได้ สิ่งนี่มันไกลตาผู้คน คนตั้ง 4-5 หมื่น เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไปควบคุมได้ไหม เพราะฉะนั้นเราทำโฉนดให้ชัดเจนซะ ไม่ใช่โฉนดชุมชน เป็นโฉนด อบต. โฉนดอุทยานฯ หรือโฉนดป่าไม้ซะ บังคับคนให้ทำกินได้ ปลูกต้นไม้ แต่ขายไม่ได้ ใครขายจะติดคุกทั้งผู้ซื้อผู้ขาย ไม้ที่ปลูกก็เป็นไม้ที่กล่าวไว้ตอนต้น เพื่อที่จะได้ไปเคลมจากค่าคาร์บอนเครดิต เพื่อให้คนเหล่านี้มีรายได้ ไม่ต้องใช้สารเคมีด้วย ก็วินวินกันทั้งหมด

‘เวลาเดินทางไปพบ ไปคุยกับชาวบ้าน คุยเรื่องอะไรกับพวกเขามากที่สุด
เรื่องป่านี่แหละ ภาพของผมเวลาเข้าไป ชาวบ้านจะติดตาว่าเข้ามาทุบเข้ามาตี แล้วยึดคืนหมด แต่ผมไม่เคยจับคนจน ผมยึดพื้นที่จากคนรวยมาให้คนจนทำกิน

‘ภาพสมัยที่เป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่ว่าอธิบดีดำรงค์ต้องทุบ ต้องจับ ตรงนี้จะต้องแก้ภาพให้ดีขึ้นไหม
ผมไม่แก้ ภาพผม ผมทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะตอนนั้นผมทำงาน พวกเศรษฐีบางคนทำผิดกฎหมาย รุกพื้นที่ป่า ต้องทำงานตามแนวทางของกฎหมาย ดังนั้น ผมไม่จำเป็นต้องแก้อะไร มีอำนาจวันใดผมต้องรื้อทิ้งเหมือนกัน ผมไม่ได้จับคนจน จับเศรษฐีทำผิดกฎหมายบุกรุกพื้นที่ป่า คุณมีสิทธิเลือกแต่เอาเปรียบสังคม แต่คนจนไม่มีสิทธิเลือก

‘มีแนวทางหาเสียงในตัวเมืองอย่างไร
กรณีในเมือง ต้องพูดถึงต้นไม้ เรื่องโลกร้อน เรื่องภัยพิบัติตามมา เพราะกรุงเทพฯเป็นพื้นที่ต่ำ น้ำอยู่ที่สูง สารเคมีที่ไหลลงมาเข้ากรุงเทพฯ อะไรเกิดขึ้น คนเข้าโรงพยาบาลเต็มไปหมด ผมได้ยินข่าวว่าคนไทยป่วยเป็นมะเร็งมากที่สุดในเอเชีย และเป็นอันดับ 6 ของโลก และวันนี้ก็ยังเป็นอยู่แบบเดิม สารพิษสารเคมีก็กินกันอยู่แบบเดิม ถ้าผมมีอำนาจ สถานที่ราชการ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน เรือนจำ ทุกอย่างจะต้องใช้ผักออร์แกนิค หรือผักปลอดสารพิษ ห้ามใช้ถุงพลาสติกในสถานที่ราชการ โรงพยาบาลสำคัญที่สุด จะต้องให้ผู้ป่วยต้องกินอาหารที่ดี พืชผักต้องปลอดสารพิษ

จะส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกผักพวกนี้เราก็ต้องมีแหล่งขายให้พวกเขาด้วย สถานที่ที่ผมว่ามาก็จะเป็นแหล่งซื้อแหล่งขายของผักปลอดสารพิษทั้งหลาย ทุกวันนี้คนชนบทมาเห็นผักในกรุงเทพฯตกใจ เพราะมันโตเกินความจริง เนื่องจากอัดสารเคมีไปทั้งนั้น

‘ข้อได้เปรียบของพรรค ทป.กับพรรคอื่นคืออะไร
ไม่ได้เปรียบอะไรเลย มีแต่เสียเปรียบ พรรคนี้เป็นพรรคเล็ก ทำเท่าที่ทำได้ การไปหาสมาชิกยากอยู่แล้ว แต่ต้องอาศัยอธิบาย อาศัยพี่ๆ น้องๆ ที่เคยทำงานด้วยกันมาช่วยกันอธิบายหลักการ วิธีการทำงานของพรรค

‘จะเอาข้อที่เสียเปรียบมาปรับปรุง เพื่อดึงคะแนนให้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร
ข้อได้เปรียบ เสียเปรียบมันไม่เกี่ยวหรอก ถ้าคนมันรัก มันก็จำฝังแน่นอยู่อย่างนั้น ว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีแบบนี้ ต้องคนนี้ มีคนทำงานเรื่องนี้ ถ้าเป็นเรื่อง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา มีคนทำเยอะแล้ว ผมขอทำเรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะรู้เรื่องนี้ดี ทั่วโลกมีกันหมด มีพรรคกรีน แต่เรายังไม่ก้าวล่วงถึงขั้นพรรคกรีน เพราะเรื่องกรีนจะต้องรู้หมด แต่พรรค ทป.รู้เรื่องป่าเรื่องเดียวพอ เรื่องอื่นเราไม่รู้ แค่ไปจำมา ไปอ่านมา ไม่รู้จริง พอจะทำ ทำไม่ได้มันเสียหาย

‘พื้นที่ไหนที่คิดว่าจะชนะการเลือกตั้ง
คาดการณ์ไม่ได้ ไม่สามารถเดาใจชาวบ้านได้ แค่อธิบายความจริง ทุกพื้นที่ที่ไป จะพูดแต่เรื่องจริง อธิบายถึงผลดี ผลเสีย ผลกระทบ อธิบายว่าถ้าปลูกต้นไม้วันนี้จะมีกินไปตลอดชีวิต ไม้ป่ามีอายุเป็นร้อยปี แต่ถ้าใช้สารเคมีลูกหลานในอนาคตจะได้รับผล่กระทบอะไรบ้าง

‘บุคลากรของพรรค นอกจากนายดำรงค์ พิเดช ที่ใครๆ ก็รู้จักแล้ว ยังมีใครที่ชาวบ้านคุ้นเคยอีกบ้าง
ผู้สมัครส่วนใหญ่จะทำงานเรื่องป่ากันทั้งนั้น เช่น ประธานป่าชุมชน คนที่ทำงานอนุรักษ์ในพื้นที่ คนพวกนี้เป็นผู้นำกลุ่มที่ทำงานในพื้นที่ หลายๆ กลุ่มประสบปัญหาถูกรังแก มีปัญหาที่ต้องคอยแก้ ให้ชาวบ้านในพื้นที่ของตัวเองอยู่แล้ว ผมชวนมาทำงานการเมืองแบบที่ผมทำ พวกเขามีความเชื่อมั่นในตัวผม มาช่วยกันทำงาน ส่วนกรรมการบริหารพรรค เป็นเพื่อนๆ ผม ที่เป็นอดีตอธิบดีกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีอดีต ส.ส. ส.ว.ที่เคยทำงานเรื่องป่ามาอยู่ด้วย เขามาเองเพราะเห็นแนวทางของพรรค ทป. ไม่ได้ไปซื้อตัว เพราะไม่มีเงินซื้อ

ใครจะมาเข้าร่วมผมเปิดกว้าง แต่ต้องทำเรื่องนี้ เรื่องอื่นทำไม่เป็น อยากทำเรื่องอื่นก็ต้องไปอยู่พรรคอื่น อดีต ส.ส.ที่จะมาอยู่ด้วยมีทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ที่ จ.น่าน ก็มี อดีต ส.ว.ที่ทำเรื่องป่าใน จ.น่าน มาตลอด

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image