สกู๊ปพิเศษหน้า 1 มติชน : อดีต ส.ส.โอดครวญ พิษ ‘แบ่งเขตพิสดาร’

หมายเหตุเสียงสะท้อนของอดีต ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ได้รับผลกระทบภายหลังมีราชกิจจานุเบกษาประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้หวังเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองบางพรรค เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม

สัมพันธ์ ตั้งเบญจผล
อดีต ส.ส.สุโขทัย เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์

การแบ่งเขตครั้งนี้ ไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ ซึ่งต้องให้ กกต.จังหวัดจัดการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส่งไป 3 แบบ แล้วผ่านความเห็นประชาชนในท้องถิ่น มีระยะเวลาที่ให้ประชาชนได้เห็น และหากมีใครเห็นแย้ง สามารถทำหนังสือชี้แจงไปยัง กกต. แต่ผลสุดท้าย แบบการแบ่งเขตการเลือกตั้ง ส.ส.ในจังหวัดสุโขทัย ได้ส่งไป 3 แบบจริงทั้ง 2 ครั้ง แต่กลับมีข่าวสะพัดออกมาว่า สุโขทัยมีแบ่งเขตเลือกตั้งแบบที่ 4 ซึ่งชาวบ้านเค้าเรียกว่าแบบพิสดาร ประกาศออกมา ทุกคนรวมถึงตนเองเมื่อได้ยินก็ตกใจและแปลกใจมาก ไม่น่าจะเป็นไปได้ในความถูกต้องจำนวนประชาชนอาจจะใกล้เคียงกันจริง แต่อย่าลืมว่า ในข้อกำหนดระบุว่าเส้นทางคมนาคมต้องสะดวก ประชาชนสามารถติดต่อกันง่ายขึ้น ไปมาได้สะดวกทุกอย่าง แต่ผลสุดท้ายที่ออกมาเส้นทางการเชื่อมโยงใครเห็นก็ตลก โซนล่างทั้งหมดของเขต 2 ส่วนที่ไปชน ด้านบนไปเอาแบบของเขต 3 เดิมมาใส่ให้เขต 2 ซึ่งติดกันประมาณแค่ 200 กว่าเมตร ไม่เกิน 300 เมตร แล้วไม่มีเส้นทางคมนาคมเข้าไป หากจะใช้เส้นทางไปมาหาสู่กัน ต้องผ่านเข้าไปยัง อ.ศรีสำโรง ที่ ต.โซกเปลือยซึ่งเป็นเขตติดต่อกันระหว่างบ้านห้วยไคร้ของ ต.วังน้ำขาว อ.บ้านด่านลานหอย ซึ่งยังคงเป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมเอา อ.ทุ่งเสลี่ยมมาร่วมกันเป็นเขต 2 นี้ได้ มาถึงล่างสุดของ จ.สุโขทัย คือ อ.คีรีมาศและไปบวกกับ อ.กงไกรลาศ อีกประมาณ 6-7 ตำบลห้อยลงมา เป็นการแบ่ง อ.กงไกรลาศออกเป็น 2 เขต ซึ่งมันเป็นเรื่องผิดปกติมาก ทำให้มีข้อสงสัยว่า แบบพิสดารนี้ใครขอมา

Advertisement

ผมก็ต้องยอมรับในกติกาของการแบ่งเขตการเลือกตั้ง แต่มันเป็นเรื่องปกติที่ผมคิดว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลางต้องเป็นกลาง ต้องให้ความเป็นธรรม มีความยุติธรรม และความชอบธรรมกับทุกฝ่ายในการเลือกตั้ง แต่นี่แค่เป็นการเริ่มต้นของการเลือกตั้ง คือ การแบ่งเขตก็มีปัญหาแล้วแล้วต่อไปต้องเข้าสู่กระบวนการการรับสมัคร การหาเสียง กกต.จะน่าไว้ใจขนาดไหน พี่น้องประชาชนจะเกิดความเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะมีเที่ยงธรรม สุจริตไม่มีการซื้อเสียง ไหนบอกว่ายึดอำนาจมาจะปฏิรูปประเทศให้ดี แล้วนำพาประเทศและประชาชนมีความสุข แต่การเลือกตั้งมีปัญหา ยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่เป็นเรื่องผิดปกติของการเลือกตั้งที่มีปัญหาอยู่หลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องการดูดพรรคการเมือง การแบ่งเขตการเลือกตั้ง หากต้องการจะชนะการเลือกตั้งได้ต้องแบ่งเขตให้ได้เปรียบคู่แข่งทางการเมืองที่ต้องทำและก็เป็นจริงด้วย และสุดท้ายคือ การหาเสียง การเลือกตั้งที่จะมาถึงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ทำให้ไม่มั่นใจว่าจะมีความเที่ยงธรรม ไม่มั่นใจว่า กกต.จะปฏิบัติด้วยความเป็นกลางได้ จึงอยากจะฝากเรื่องนี้ไปถึงผู้ใหญ่ใน กกต.ว่าวันนี้ประชาชนไม่ยอมรับแล้ว แค่เปิดฉากออกมาการแบ่งเขตการเลือกตั้งก็มีปัญหาไม่เฉพาะที่ จ.สุโขทัยเพียงแห่งเดียว ยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีปัญหา ในฐานะเป็นนักการเมืองคงต้องยอมรับและเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งไปก่อน แต่ต้องการจะฟ้องให้ประชาชนได้เห็นว่าเริ่มต้นกระบวนการเลือกตั้งก็มีปัญหาแล้ว ฉะนั้นต่อไปก็ไม่มีความมั่นใจว่ามันจะบริสุทธิ์ยุติธรรมขนาดไหน

ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจชั่งใจว่าจะลงเขตไหน ต้องยอมรับตรงๆ ว่า ประชาชนบางส่วนก็อยากให้ผมไปลงเขต 1 บ้างก็ชวนให้ไปลงเขต 2 แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าจะลงเขตไหนดี แต่ก็มีเลือกเอาไว้ในใจแล้ว ซึ่งผมก็จะต้องสู้ต่อไปในการเลือกตั้งนี้

Advertisement


ฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร
อดีต ส.ส.กาญจนบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์

ที่ผ่านมา ผมพร้อมด้วยนายปารเมศ โพธารากุล หรือกำนันบอย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี เขต 3 ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อคัดค้านการแบ่งเขตการเลือกตั้งรูปแบบที่ 3 ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาญจนบุรีได้พิจารณา เพราะขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 86(5) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 27 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแบ่งเขตการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 7 ซึ่งบัญญัติไว้ว่าต้องแบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน

โดยรูปแบบที่ 1 และรูปแบบที่ 2 ถือว่าไม่ขัดต่อตัวบทกฎหมาย เพราะมีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน แต่รูปแบบที่ 3 นั้นขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย เพราะมีจำนวนราษฎรแตกต่างกันอย่างมาก ไม่มีจำนวนที่ใกล้เคียงกันแม้แต่น้อย ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 มีจำนวนราษฎรมากกว่าในเขตเลือกตั้งที่ 2 ถึง 55,977 คน เขตเลือกตั้งที่ 3 มีจำนวนราษฎรมากกว่าในเขตเลือกตั้งที่ 2 ถึง 47,613 คน เขตเลือกตั้งที่ 4 มีจำนวนราษฎรมากกว่าในเขตเลือกตั้งที่ 2 ถึง 38,217 คน เขตเลือกตั้งที่ 5 มีจำนวนราษฎรมากกว่าในเขตเลือกตั้งที่ 2 ถึง 35,937 คน โดยขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาทบทวนและยึดถือปฏิบัติตามหลักและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม มีความเท่าเทียม ไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบแก่พรรคใดพรรคหนึ่ง

ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายทุกฝ่ายเห็นว่า การแบ่งเขตขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจากมีการออก ม.44 มาเพื่อปกป้อง กกต.ที่ทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ต้องรับผิด ทำให้ กกต.กล้าทำผิด และแม้ราชกิจจานุเบกษาประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ตนก็ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งเขตดังกล่าว และยังคงคัดค้าน ดังนั้นจะนำเรื่องนี้เข้ามติกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคได้พิจารณาลงความเห็นและมีมติว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป

การแบ่งเขตรูปแบบนี้ทำเพื่อให้ผมเสียเปรียบ และอีกฝ่ายได้เปรียบ เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐอย่างชัดเจน ซึ่งผมเชื่อว่าการแบ่งเขตที่ออกมาในรูปแบบนี้มีใบสั่งอย่างแน่นอน และหากผมยอมย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ การแบ่งเขตก็คงไม่ออกมาเป็นเช่นนี้ แต่การสู้ศึกเลือกตั้งก็จะต้องดำเนินต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งก็จะต้องไปดูวันเลือกตั้ง เพราะผมเชื่อว่าปัจจุบันประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารรอบด้าน และเชื่อว่าทุกคนก็รู้เท่าๆ กันหมด ดังนั้นมั่นใจว่า ถึงจะใช้เงินทุ่มซื้อเสียงก็ไม่สามารถซื้อเสียงประชาชนยุคนี้ได้ หรือหากซื้อได้ แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ฉะนั้นอย่าดูถูกประชาชน และจากการลงพื้นที่สัมผัสกับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ทราบว่า ประชาชนไม่ชอบพรรคทหาร และอยากจะเลือกตั้ง เพื่อที่จะให้รัฐบาลได้รู้ว่าประชาชนคิดอย่างไรกับ 4 ปีกว่าที่ผ่านมา

“แม้การลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ผมจะไม่ได้เป็น ส.ส. ผมก็ไม่เสียใจ เพราะผมทำดีที่สุดแล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมเป็น ส.ส.ที่ทำงานทั้งในสภาและนอกสภา และผมได้ทำให้กับชาวบ้านมาหมดทุกอย่างแล้ว ดังนั้นหากได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ผมก็ทำหน้าที่ ส.ส.เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด แต่ถึงไม่ได้เป็น ส.ส. ผมก็ลงพื้นที่ดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเหมือนเช่นเคย”

วัชรพล โตมรศักดิ์
อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา

การแบ่งเขตเลือกตั้งครั้งนี้ในฐานะที่เคยเป็น ส.ส.และอดีต ส.จ.ในเขตเลือกตั้งที่ 2 ของ อ.เมืองนครราชสีมา ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากนัก แต่ก็มีส่วนหนึ่งคือ 4 ตำบล ประกอบด้วย ต.หนองบัวศาลา ไปอยู่กับเขตเลือกตั้งที่ 11 อ.ปักธงชัยและวังน้ำเขียว และ ต.หัวทะเล, ต.หนองระเวียง และ ต.พะเนา ไปอยู่กับเขตเลือกตั้งที่ 9 อ.โชคชัย และ อ.หนองบุญมาก ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและก็ไม่เป็นไปตาม 3 รูปแบบที่ กกต.จังหวัดนครราชสีมานำมาให้ประชาชนเสนอความคิดเห็นแล้วเสนอให้ กกต.กลางพิจารณาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อประกาศออกมากลายเป็นแบบที่ 4 ซึ่งเป็นแบบที่ทำให้ประชาชนสับสนเนื่องจากตำบลที่แบ่งออกไปอยู่เขตเลือกตั้งอื่น ไม่ได้มีพื้นที่ติดต่อกัน ซึ่งผิดหลักการแบ่งเขตเลือกตั้งที่จะต้องมีพื้นที่ติดต่อกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ต่อเนื่องและง่ายต่อการวางแผนพัฒนาเมือง ส่วนตัวก็แปลกใจว่าทำไมการแบ่งเขตเลือกตั้งแทนที่จะเอาอำเภอใหญ่ๆ เป็นอำเภอหลัก แล้วนำเอาอำเภอขนาดเล็กไปมาประกอบ ส่วนตัวถึงแม้เขตเลือกตั้งที่ 2 ของ จ.นครราชสีมา ซึ่งผมเคยเป็น ส.ส.อยู่จะถูกแบ่งออกไปอยู่เขตอื่น 4 ตำบล แล้วนำเอาอีก 7 ตำบลมาบวกเพิ่ม ผมก็ยังเชื่อมั่นว่าประชาชนยังรักและศรัทธาในตัวและผลงานที่ผ่านมาของผม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงด้านกีฬาซึ่งตนทุ่มเทมีผลงานเป็นที่ประจักษ์เพื่อเมืองโคราชมาตลอด

ถึงแม้ผมจะเสียดาย 4 ตำบล ที่เคยมีความรัก ความผูกพันกันมาตลอด และมองเห็นปัญหาในเรื่องและมีแผนที่จะพัฒนาหลายด้าน แต่ก็มาถูกแยกออกไปอยู่เขตเลือกตั้งอื่น แต่อย่างไรก็ตามก็พร้อมที่จะทำงานให้กับชาวโคราชทุกอำเภอ ทุกเขตเลือกตั้งถ้ามีโอกาส โดยไม่เลือกว่าจะเป็นพื้นที่ใด และมาถึงวันนี้ผมก็มั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากชาวโคราช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image