คอลัมน์แกะกล่อง : ณพงศ์ นพเกตุ ชู ‘พปชร.’ ทางเลือกที่3

ณพงศ์ นพเกตุ อดีตผู้อำนวยการนิด้าโพล ที่เพิ่งลาออกเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ถูกตั้งคำถามถึงความเป็นกลางขณะนั่งคุมสำนักโพลระดับประเทศ เพราะเมื่อ ผอ.มีใจเอนเอียงไปทางฝั่งรัฐบาลและพรรคการเมืองที่สนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพลจะมีความน่าเชื่อถือเพียงใด

ณพงศ์ นพเกตุ ตำแหน่งทางวิชาการ ผศ. จบปริญญาโทจาก University College of (Built Environment) London, U.K. จบ ดร.จาก University of Tokyo, Japan ก่อนมาเป็นรองคณบดีคณะสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จากนั้นลาออกไปทำงานกับภาคเอกชน เป็นนักวิจัยให้กับวิริยะประกันภัย กระทั่งมาสร้างผลงาน เมื่อมาสอนหนังสือที่คณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ “นิด้า”

ผลงานขึ้นชื่อคือรางวัลชนะเลิศโครงการสมาร์ท ซิตี้ “Smart Cities-Clean Energy” ของกระทรวงพลังงาน เน้นแนวคิดการพัฒนารอบด้าน เป้าหมายหลักคือต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมือง

ปลายเดือนมกราคม 2561 อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผอ.นิด้าโพลประกาศลาออกจากตำแหน่ง ให้เหตุผลว่าอยากทำงานวิชาการอย่างตรงไปตรงมา เป็นเหตุให้คนมีข้อสงสัยในความเป็นกลางของนิด้าโพล แล้วต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ 2561 “ณพงศ์” ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผอ.นิด้าโพล ท่ามกลางข้อครหาความไม่เป็นกลางของผลโพลที่เผยแพร่ต่อประชาชนเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

Advertisement

“ยืนยันว่า ผอ.ไม่มีอำนาจทำให้ผลโพลออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง มีหน้าที่แค่การบริหารองค์กรและให้คำแนะนำในการตั้งคำถามและกลั่นกรองการออกคำถาม งานเหล่านี้เจ้าหน้าที่ล้วนมีประสบการณ์ มีความชำนาญในงานที่ทำอยู่ ไม่ได้เข้าเปลี่ยนแปลงอะไร ผลการสำรวจล้วนเป็นไปตามความคิดเห็นของประชาชน”

“ณพงศ์” เล่าว่า ตัดสินใจมาอยู่พรรค พปชร.เพราะได้รับการทาบทามจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค อีกทั้งยังรู้จักหัวหน้าพรรคอย่าง นายอุตตม
สาวนายน แบบห่างๆ เพราะเคยไปบรรยายที่ “นิด้า” อยู่บ่อยๆ

“ผมสนใจเรื่องสมาร์ท ซิตี้ และได้คุยกับนายสุวิทย์อยู่บ่อยครั้ง เป็นจังหวะเวลาเดียวกับที่มีการตั้งพรรค พปชร.และผมคิดว่าจะสามารถเสนอความคิดนี้ นำไปสู่การปฏิบัติได้ จึงต้องเข้ามาทำงานการเมือง ผมอยากมาช่วยงานนโยบายสมาร์ท ซิตี้” อดีต ผอ.นิด้าโพล เผยความตั้งใจ พร้อมระบุด้วยว่า

“ผมสนใจการเมืองมานานแล้ว ที่เลือกพรรค พปชร.เพราะผู้ใหญ่ให้โอกาส ถ้าไปอยู่พรรคอื่น คงไม่มีโอกาสได้ทำงานอย่างเต็มที่ ในทางการเมืองผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามา 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อคลายความขัดแย้งเดิมๆ ที่ผ่านมาเห็นเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ที่ไม่มีวันยอมกัน นั่นไม่ใช่ทางออกของประเทศ ผมจึงมองว่า พรรค พปชร.คือทางเลือกที่สาม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image