บทนำ : พปชร.Vs.เพื่อไทย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค กรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวระหว่างเป็นประธานสัมมนาแนวการรับสมัครสมาชิกภาคกลางว่า ขณะนี้กระแสของพรรค พปชร.เป็นไปด้วยดี หากผู้สมัครได้ลงพื้นที่อย่างหนัก กระแสของพรรคจะดีขึ้นอีก ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการลงพื้นที่ และโพลประเมินว่า พปชร.จะได้ ส.ส. 150 คนทั่วประเทศ ภาคอีสานจะได้ประมาณ 50-60 คน กลาง 40 คน ภาคใต้น่าจะได้ไม่มาก เพราะในอดีตพรรค ปชป.ถือว่ามีจุดแข็ง แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนภาคเหนือ วันนี้ประชาชนตอบรับดี เชื่อว่าจะได้คะแนนและ ส.ส.สูสีกับพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามถึงกระแสในภาคอีสาน นายสุริยะกล่าวว่า อดีตพรรคไทยรักไทย (ทรท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) มี 2 นโยบายในการหาเสียงคือ 30 บาทรักษาทุกโรค และกองทุนหมู่บ้าน แต่รัฐบาลปัจจุบันมีหลายนโยบายที่มากกว่า 2 เรื่องนี้ ส่วนกรณีที่มีการจุดกระแสต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการนั้น ที่แล้วมามีความพยายามกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเผด็จการ แต่ต้องย้อนกลับไปดูสาเหตุของการรัฐประหาร เพราะการเมืองแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ทำให้ประชาชนแบ่งเป็น 2 ขั้ว เป็นผลจากการที่พรรค พท.ออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ก่อให้เกิดความขัดแย้งจนเกิดจลาจล ประชาชนเสียชีวิตและมีการทำลายทรัพย์สิน พล.อ.ประยุทธ์จึงตัดสินใจออกมา วันนี้คือการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมือง สู้ด้วยนโยบาย ไม่ใช่สู้เรื่องเผด็จการหรือประชาธิปไตย

การเมืองมาถึงจุดที่แต่ละพรรคต้องอธิบายว่าตนเองอยู่ตรงไหนของระบอบประชาธิปไตย ทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต การระบุว่าตนเองอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยนั้นทำได้ แต่ประชาชนจะเชื่อหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การสนับสนุนประชาธิปไตย นอกจากพูด ยังต้องแสดงจุดยืนด้วยการกระทำต่างๆ ชัดเจน อาทิ ต้องสนับสนุนอย่างเปิดเผยให้การเลือกตั้งมีอิสระโปร่งใส ซึ่งในขณะนี้บรรยากาศการเมืองไทยยังอยู่ไกลมากจากหลักดังกล่าว นอกจากนี้ ทรรศนะและวิธีบอกเล่าเรื่องราวในอดีต ก็สะท้อนความคิดว่า บุคคลหรือพรรคนั้น มีจุดยืนประชาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ประชาชนสามารถตัดสินได้ ส่วนจะมีผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนสามารถใช้สิทธิได้อย่างอิสระปราศจากการครอบงำของอำนาจอิทธิพลหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image