รายงาน : โรดแมป ‘24 ก.พ.62’ ความพร้อม-คาดหวัง

หมายเหตุ…ความคิดเห็นของนักการเมือง นักวิชาการ และภาคเอกชน กรณีที่ประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับตัวแทนพรรคการเมือง 75 พรรค โดยมีข้อสรุปตรงกัน คือ ให้มีการจัดเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงความคาดหวังและผลที่จะเกิดขึ้นในการเดินหน้าประเทศตามโรดแมปการเลือกตั้งที่ชัดเจน


สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)

ความชัดเจนการเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นั้น ถือเป็นเรื่องดีที่มีความชัดเจน ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามกำหนดนี้ โดยพรรคจะเดินตามโรดแมปการเลือกตั้งทุกประการ มีการเตรียมการทำงานรองรับไว้แล้ว และมีความพร้อมอย่างมาก ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ จะมีการประชุมพรรคเพื่อคัดเลือกกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พร้อมเดินหน้าสู่กระบวนการต่อไป พรรคพปชร.พร้อมเดินตามทุกโรดแมป ไม่ว่าจะเป็นวันใด อย่างไรก็ตาม การเปิดให้หาเสียงภายหลังมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 มกราคม 2562 นั้น ถือว่าเพียงพอ เพราะโดยปกติแล้วก็เปิดให้หาเสียงประมาณ 45 วันเท่านั้น

ส่วนการตัดสินใจลาออกของ 4 รัฐมนตรี จะเกิดขึ้นเมื่องานต่างๆ แล้วเสร็จ ผมอยากให้ดูที่พฤตินัยและผลงานในฐานะรัฐมนตรีของพวกเรามากกว่า ที่ผ่านมาก็ไม่มีการใช้ทรัพยากรของรัฐแต่อย่างไร อย่ากังวลใจกับตำแหน่งของพวกผมมากนักเลย ขอให้ดูพฤตินัย ส่วนจะมีความชัดเจนก่อนวันที่ 2 มกราคมนี้หรือไม่นั้น เรื่องนี้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร.ได้พูดไว้แล้ว ขอให้ไปตามดู ส่วนที่เราถูกวิจารณ์ว่าในการประชุม ครม.สัญจร เราจะเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ผมว่าไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ถูกวิจารณ์ทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่อยากให้ดูเนื้อหา เพราะประเด็นทางการเมืองเกิดขึ้นได้ทุกวัน ครม.สัญจร คือ ลงไปดูแลประชาชน เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น หากบอกว่าการทำให้ประชาชนดีขึ้นเป็นการหาเสียง ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับ ครม.ด้วย เพราะผมคิดว่าต้องดูประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง อย่ามองแค่ว่าใครได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ เพื่อหยิบเป็นประเด็นทางการเมือง

Advertisement


โอฬาร ถิ่นบางเตียว
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา

ประเด็นนี้ต้องมองเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ การเลือกตั้งโรดแมปน่าจะเป็นทางการแล้ว เป็นเหมือนสัญญาประชาคมขึ้นมาระดับหนึ่งว่า คสช.เดินตามโรดแมปคือให้กำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นี่คือสัญญาประชาคมสร้างความไว้วางใจได้ระดับหนึ่งกับบรรดาพรรคการเมืองและ กกต.รวมทั้ง คสช.ด้วย แต่กระบวนการในการดำเนินการบริหารการเลือกตั้ง จะมีการยุบพรรคใดหรือไม่ยุบ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของ กกต.ว่ามีพรรคไหน ทำผิด ไม่ถูกกฎหมายอย่างไรบ้าง สังคมต้องจับตามองว่า กกต.จะยุบพรรคหรือดำเนินการกับพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นพิเศษที่มีแนวโน้มผิดกฎหมายการเลือกตั้งหรือไม่หลังเดือนมกราคม

ส่วนที่มีผู้วิจารณ์ว่าสุดท้ายแล้วผู้กำหนด ไม่ใช่ กกต.อย่างแท้จริง แต่เป็น คสช.ส่วนตัวเห็นด้วย ทำให้เห็นว่า กกต.ไม่ได้แสดงความเป็นองค์กรอิสระในการบริหารจัดการการเลือกตั้ง ในการกำหนดทิศทางการเลือกตั้งเอง แต่อยู่ภายใต้อิทธิพลของ คสช.ซึ่งแน่นอนว่าทำให้สังคมตั้งคำถามได้ว่าถ้า กกต.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระในการบริหารจัดการเลือกตั้งอยู่ภายใต้อทธิพลของ คสช.และ คสช.เองมีลักษณะหรือแนวโน้มที่จะสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งในการสืบทอดอำนาจ หรือสนับสนุนคนของตัวเองสืบทอดอำนาจ กกต.จะวางตัวเป็นอิสระได้มากน้อยแค่ไหน

หลังจากการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา คิดว่าสังคมเป็นกังวลเพราะรู้สึกว่า คสช.มีอำนาจเหนือ กกต.ที่สำคัญคือ สิ่งที่สังคมเกิดความสับสนมากคือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาพูดว่าอาจจะไม่ให้มีโลโก้พรรคในการเลือกตั้ง ซึ่งในการบริหารจัดการเลือกตั้งนั้น คสช.ก็ดี นายกรัฐมนตรีก็ดี ไม่สมควรพูดเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นอำนาจของ กกต.

การพูดแบบนี้ ชี้นำแบบนี้ ทำให้ กกต.กลายเป็นหน่วยงานย่อยหน่วยงานหนึ่งของ คสช.ไปทันที แทนที่ กกต.จะเป็นองค์กรอิสระในการจัดการการเลือกตั้ง นี่ทำให้คนในสังคมหรือพรรคที่ไม่สนับสนุน หรือพรรคที่เห็นต่างจาก คสช.จะใช้เป็นประเด็น เป็นเงื่อนไขทางการเมืองที่ชี้ให้เห็นว่า คสช.และ กกต.ไม่ได้เป็นกลางทางการเมืองจริง


ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

อย่างน้อยการมีโรดแมปที่ชัดเจนย่อมไม่ทำให้สังคมสับสน แต่เมื่อย้อนดูไทม์ไลน์ต่างๆ จะเห็นได้ว่าผลประโยชน์เกื้อกูลไปทางพรรคพลังประชารัฐอย่างปฏิเสธไม่ได้ เช่น ช่วงวันที่ 4 ม.ค.62 เป็นวันเริ่มการรับสมัคร ส.ส.เขต แบบบัญชีรายชื่อ นั่นหมายโยงไปถึง 4 รัฐมนตรีที่อยู่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจใช้เวลาอย่างคุ้มค่าจนวินาทีสุดท้ายก่อนไปทำหน้าที่เป็นผู้สมัครเต็มตัว หมายความว่า ยังคงไม่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแน่นอน ดึงระยะเวลาการทำหน้าที่รัฐมนตรีต่อไป นั่นคือข้อได้เปรียบที่ได้เห็น

เมื่อดูโรดแมปอีกครั้ง กว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งก็วันที่ 25 เม.ย.62 หลังจากนั้นวันที่ 28 เม.ย.62 คสช.แต่งตั้ง ส.ว.อีก 250 ตำแหน่ง เป็นไปได้ว่า คสช.คงดูทิศทางลมอยู่ว่าหน้าตาของ ส.ส.ออกมาเป็นรูปแบบใด ทำให้ตัวเองสามารถวางกลไกให้ได้เปรียบที่สุดจนถึงนาทีสุดท้าย แน่นอนว่า เมื่อทิศทางเป็นแบบนี้ คสช.ยังกุมสภาพความได้เปรียบกลไกต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาไม่แตกต่างกันมากหรือสูสีกันมาก 250 ส.ว.ย่อมมีผลชี้ขาดในการดันใครขึ้นมาเป็นนายกฯตามที่ คสช.ต้องการได้

การเมืองครั้งนี้จะราบรื่นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเลขการเลือกตั้งว่าสามารถฟอร์มทีมได้อย่างไร หากจบในสนามการเลือกตั้ง ส.ส.จะมองเห็นถึงเสถียรภาพได้ ดังนั้น 3 เสาอย่างพรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ยังต้องพึ่งพาพรรคขนาดกลางอย่างพรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา หรือชาติพัฒนา มาเป็นตัวแปร ดังนั้นการจับขั้วหรือเสียงข้างมากตามลำพังอาจไม่เพียงพออีกต่อไป การหาเสียงครั้งนี้ต้องดูว่ามีการให้เกียรติ ไว้ไมตรีกันหรือไม่ หรือการต่อสู้อาจเข้มข้นอย่างตรงไปตรงมา แต่หลังการเลือกตั้ง ผู้ที่มีคะแนนสูงสุดย่อมมีความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาลก่อน ตรงนี้ต่างหากที่ทุกฝ่ายจับตามอง


ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์
ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจภาคกลาง หอการค้าไทย

โรดแมปเลือกตั้งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติได้ เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าจะสามารถจัดเลือกตั้งได้หรือไม่ รวมถึงมีประเด็นว่ามีเลือกตั้ง แต่จะเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิม เชื่อว่าในปีหน้าการลงทุนจะกลับมาดี เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้จัดเลือกตั้งมา 4 ปี เข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว ทั้งนี้ ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้จีนย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนามมากขึ้น ประกอบกับการให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน หรือสิทธิบีโอไอของเวียดนาม ทำให้มีต่างชาติเข้าไปลงทุนจำนวนมาก ส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวได้ 6-7% ขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เศรษฐกิจก็ขยายตัวดีเช่นกัน ส่วนไทยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 4% กว่าๆ ส่วนในปีหน้าเป็นปีที่จะต้องใช้ความพยายามมาก แต่เชื่อว่าปัจจัยการเลือกตั้งจะมาช่วยหนุนเศรษฐกิจ

ที่ผ่านมานักลงทุนค่อนข้างกังวล เนื่องจากมาตรา 44 เป็นการ Over Rule ทุกอย่าง ไม่ใช่ลักษณะปกติ ดังนั้นเมื่อมีการเลือกตั้ง จะดึงความเชื่อมั่นกลับมาได้ เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ประชาชนจะเป็นอิสระ ส่วนการหาเสียงเลือกตั้งในช่วงวันที่ 2 มกราคมเป็นต้นไป จะทำให้มีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ จากการพิมพ์ป้ายหาเสียง เครื่องเสียงใช้หาเสียง หรืออื่นๆ เพื่อทำคะแนนเสียง จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างแน่นอน สิ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากคือต้องเลือกตั้งให้ได้ โรดแมปที่ประกาศออกมา ก็ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศได้อย่างแน่นอน

ชัยเกษม นิติสิริ
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)

พท.พร้อมอยู่แล้วที่จะเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แม้จะเลือกก่อนหน้านั้นเราก็พร้อม หรือเมื่อใดเราก็พร้อม พท.พร้อมเสมอขอให้เปลี่ยนจริงตามนั้น อย่ามีการปรับเปลี่ยนอีกก็แล้วกัน เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะมีการเสียความรู้สึก เนื่องจากที่ผ่านมาก็เสียคนไปหลายรอบแล้ว ผมคิดว่าเขาน่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรมีอะไรที่จะมาเปลี่ยนไปอีกเพราะเพียงแค่นี้ความน่าเชื่อถือก็เสียหายไปมากพอแล้ว ถ้าเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกครั้งหนึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ซึ่งผลไม่ได้เกิดเพียงเฉพาะกับตัวเขาเท่านั้นแต่จะส่งผลต่อประเทศไทย โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจของประเทศ ผมคิดว่าคงเลื่อนออกไปอีกไม่ได้แล้ว

ส่วนที่ยืนยันว่าการเลือกตั้งเป็นวันเดิมแต่จะปลดล็อกให้พรรคการเมืองหลังปีใหม่ 2562 นั้น คนที่มีอำนาจอยู่ในมือเขาจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ท่านเถิด เพราะต่อให้เราพูดว่าไม่ควร ไม่ดี ไม่เหมาะสม ท่านก็คงไม่ฟังเรา และไม่เชื่อเรา ดังนั้นท่านอยากจะทำอะไรก็ทำไปเพราะเราพร้อมสู้ในทุกสถานการณ์ เพียงแต่ขอให้ประชาชนเข้าใจก็แล้วกันว่าสถานการณ์แบบนี้เราอยู่ในภาวะที่ยังไม่ปกติในทางการเมือง ส่วนกรณีที่ท่านเสนอความเห็นให้บัตรเลือกตั้งไม่ต้องมีโลโก้ของพรรคการเมืองนั้นข่าวนี้ถูกเสนอไปทั่วโลกและผมก็รู้สึกอาย แต่ในเมื่อท่านไม่อายอยากทำอะไรก็ทำเถิด แต่สิ่งนี้ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว เพราะคุณลองคิดดูว่าวันนี้เรายังมีคนไทยที่อ่านตัวเลขไม่ออกอีกกี่คนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ผมคิดว่ามีจำนวนมากพอสมควร แต่เมื่อถึงเวลาแต่เห็นเพียงเฉพาะตัวเลขอย่างเดียว ในขณะที่เขตหนึ่งจังหวัดมีหลายเขตแต่ใช้คนละเบอร์ แล้วอย่างนี้ใครจะไปนั่งจดจำ โลโก้จึงเป็นสิ่งสากลที่จะปรากฏบนบัตรเลือกตั้งและทุกครั้งเองก็มีปรากฏ ก็มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งก็ต้องให้ประชาชนช่วยมองว่าแบบนี้เรียกว่าการเอาเปรียบกันหรือไม่

นอกจากนี้ เมื่อได้วันเลือกตั้งที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยืนยันชัดเจนได้แล้วว่าจะทำหน้าที่อะไรในทางการเมือง ผมคิดว่าในใจ พล.อ.ประยุทธ์ชัดเจนมานานแล้ว แต่สิ่งที่แสดงออกมาคงไม่ต้องการให้ชัดเจนมาก เพราะหากชัดเจนขึ้นมาก็จะมีเสียงเรียกร้องตามมาอีกว่าสมควรที่จะลาออก ดังนั้นยิ่งไม่ชัดจะยิ่งสามารถประคองไปได้ อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายแล้วการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์อีก ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้น อย่างน้อยก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของประชาชน ตราบใดที่ยังมีอำนาจอยู่ในมือ อยากจะทำอะไรก็สุดแล้วแต่เพราะพวกผมคงทำอะไรไม่ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image