นอกจากกติกาต่างๆ ในการเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นที่มาของนายกรัฐมนตรี บทบาทของวุฒิสภาในการสรรหานายกรัฐมนตรี ระบบเลือกตั้งที่ออกแบบมาลดขนาดของพรรคใหญ่ เป็นผลให้มีการจดทะเบียนพรรคเพิ่มขึ้นรวมเป็นนับร้อยพรรค แม้ยังมี ส.ส. 2 ประเภทคือ ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ แต่ให้ประชาชนลงคะแนนครั้งเดียว คือเลือก ส.ส.เขตได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยอัตโนมัติ หมายเลขผู้สมัครแต่ละพรรคจะไม่ใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศเหมือนที่ผ่านมา เมื่อมีผู้ทักท้วง ผู้มีอำนาจกล่าวว่าทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป จะมายึดของเดิม แล้วจะเรียกว่าปฏิรูปได้อย่างไร
การปฏิรูป หมายถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่สาระสำคัญอยู่ที่ว่า เปลี่ยนแล้วต้องดีขึ้น ในทางการเมือง ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพและอำนาจมากขึ้น ถูกปกครองน้อยลง ใช้สิทธิเสรีภาพได้ง่ายขึ้น มีข้อจำกัดน้อยลง ไม่ใช่ปฏิรูปแล้วอำนาจอยู่ที่รัฐและระบบราชการมากขึ้น จึงน่าพิจารณาว่าการเปลี่ยนแปลงกติกาเลือกตั้ง เป็นไปเพื่อประชาชน หรือเพื่อให้กลุ่มอำนาจได้อำนาจมากขึ้น ง่ายขึ้น
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า บัตรเลือกตั้งจะไม่ระบุรายละเอียดชื่อพรรคการเมือง ไม่ระบุตราสัญลักษณ์หรือโลโก้ จะมีเพียงหมายเลขของผู้สมัครเท่านั้น สาเหตุน่าจะมาจากเตรียมการไม่ทัน และมีเป้าหมายสร้างความสับสน เพื่อผลได้เสียทางคะแนนเสียง ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่ารัฐบาลกำลังเข้าแทรกแซง กกต. กำหนดมิให้ใช้แนวทางที่สร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้สิทธิ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองบางประการหรือไม่
กรณีดังกล่าว มีผู้ทักท้วงว่า หมิ่นเหม่ต่อการขัดรัฐธรรมนูญ และอาจจะมีการฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ยังน่าห่วงว่าจะทำให้เกิดกระแสว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นไม่โปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม และเป็นเพียงพิธีกรรมสืบทอดอำนาจ แทนที่จะให้ประชาชนได้แสดงจิตเจตนารมณ์ว่า อยากให้บ้านเมืองไปในทิศทางไหน หวังว่า คสช.และรัฐบาลจะส่งสัญญาณให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่แนวทางปกติ เพื่อให้การเลือกตั้ง เป็นจุดเริ่มต้นของความสุขสงบ มิใช่จุดเริ่มต้นของปัญหาบ้านเมืองอีกครั้ง
