แกะกล่อง : ‘จักรวี วิสุทธิผล’ ยกเครื่องการศึกษาเทียบตปท.

ตัดสินใจร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในสัดส่วนของคนรุ่นใหม่อีกคน “แจ๊ค” จักรวี วิสุทธิผล วัย 29 ปี ดีกรีบัณฑิตจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันกลับนั่งเป็นผู้บริหารในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว

ส่วนจุดเปลี่ยนที่ทำให้เจ้าตัวสนใจเข้ามาทำงานการเมืองนั้น “จักรวี” บอกว่า มาจากทัศนคติทางการเมืองของผมที่มองว่าการเมืองระบบนอมินีที่ใช้ลูกหลานเข้ามาเป็นตัวแทนเพื่อสืบทอดอำนาจทางการเมือง ไม่ต่างอะไรกับการทำธุรกิจการเมือง จึงต้องการมาเปลี่ยนแปลงการเมืองให้เป็นรูปแบบใหม่ เป็นการเมืองที่ทุกคน ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการคิดและตัดสินใจเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

ส่วนประสบการณ์จากภาคธุรกิจก็มีส่วนสำคัญให้ “จักรวี” ตัดสินใจมาเล่นการเมือง ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า “ประสบการณ์การทำงานของผม มีส่วนสำคัญในพัฒนาความสนใจในเรื่องการเมือง เริ่มจากหลังเรียนจบในปี 2554 ผมกลับมาช่วยงานธุรกิจที่บ้าน (ไทยเศรษฐกิจประกันภัย) ปีนั้นเป็นปีที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ ทำให้เริ่มงานก็เจอวิกฤตหนักของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยเลย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ได้เห็นธุรกิจประกันภัยมีผลอย่างไรต่อประชาชน และได้เห็นว่านโยบายของภาครัฐมีผลทั้งแง่ดีและร้ายต่อประชาชน เอาเข้าจริงๆ มีหลายเรื่องที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากเข้ามาทำงานการเมือง เราผ่านอะไรมาหลายอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับการเมือง ความไม่สงบทางการเมือง และในชีวิตประจำวันของผม รู้สึกได้เลยว่าการเมืองแตะทุกสิ่งอย่าง ส่งผลกระทบต่อเราทุกอย่าง ตั้งแต่การกินอยู่ การท่องเที่ยว การศึกษา มันเป็นอะไรที่สำคัญมาก”

แต่งานทางการเมืองที่ “จักรวี” ตั้งใจจะเข้าไปขับเคลื่อน นั่นคือเรื่องการศึกษา ซึ่งเจ้าตัวให้เหตุผลว่า “จริงๆ ผมจบด้านเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจมา แต่สนใจเรื่องการศึกษา เพราะมองว่าการศึกษาคืออนาคตของประเทศ หลายคนบ่นว่าการศึกษาในประเทศไทยสู้ต่างประเทศไม่ค่อยได้ และจากประสบการณ์ที่ไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษในมหาวิทยาลัย ผมสังเกตเห็นอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้คิดว่าท้ายที่สุดแล้ว ถ้าจะปรับปรุงระบบการศึกษาต้องเริ่มจากการปรับปรุงตัวอาจารย์ หรือครูที่สอน ทำให้ตัวผู้สอนมีมาตรฐาน หรือศักยภาพที่ชัดเจน

Advertisement

ระบบการศึกษาของไทยส่วนใหญ่ยังคงเน้นเรื่องการท่องจำ ผมโชคดีที่ได้เรียนโรงเรียนอินเตอร์ ส่วนใหญ่จะสอนให้คิดวิเคราะห์มากกว่า ยิ่งโดยเฉพาะสภาวะในปัจจุบันนี้ที่ความรู้หาได้ง่าย สามารถเรียนรู้อะไรก็ได้จากอินเตอร์เน็ต ประเด็นหลักต้องสอนวิธีคิดให้กับคนมากกว่า ถ้าทำอย่างนั้นได้ เท่ากับได้สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองให้กับคนของเรา แบบนี้ก็จะสามารถพัฒนาประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image