มุมเศรษฐกิจ หอการค้า5ภาค มองสถานการณ์ก่อน-หลังเลือกตั้ง

หมายเหตุความเห็นของประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ หรือหอการค้า ภาคต่างๆ ทั่วประเทศ     ถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562

ประพันธ์ เตชะสกลกิจกูร
ประธานหอการค้าภาคอีสาน

การเลือกตั้งปี 2562 ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2562 ประเทศไทยจะมีเงินสะพัดจากการเลือกตั้งเป็นเท่าตัว และคาดว่าช่วงสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตรทุกชนิดจะมีแนวโน้มดีขึ้นเกือบทุกชนิดในช่วงสิ้นปี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกำลังซื้อหรือจำนวนของประชาชนที่ออกมาจับจ่ายใช้สอย

Advertisement

ผมคิดว่าในเรื่องของรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน ควรบริหารในส่วนของการค้าการลงทุน, เรื่องพืชผลทางการเกษตร และภาคขนส่ง ซึ่งทิศทางที่กล่าวมานี้ก็เป็นทิศทางที่ควรดำเนินการตามกลไกที่ควรจะเป็น ทั้งนี้มองว่าการเลือกตั้งเป็นเพียงบรรยากาศหนึ่งที่จะมาในอนาคต ส่วนในเรื่องของการทำงานในรัฐบาลปัจจุบันมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต ผมคิดว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของพรรคที่จะเข้ามาบริหารประเทศก็ยังส่งผลอยู่ ซึ่งในระยะสั้นอาจจะยังไม่เห็นผลกระทบเท่าไหร่

หากมีการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ เรื่องการปรับเปลี่ยนกฎหมายถือว่าไม่เร็วเกินไป เพราะในเรื่องของทิศทางและกลไก เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามการค้าจีนและสหรัฐ ซึ่งในประเทศของเราอาจจะได้รับผลกระทบบ้างแต่แค่ชั่วคราว และไม่ว่าจะมีรัฐบาลไหนเข้ามาภาพบรรยากาศทางด้านการเมืองต้องหยุดนิ่ง รวมถึงในปีหน้าไทยจะได้เป็นประธานอาเซียน เชื่อว่าเพื่อนบ้านจะเริ่มเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยมากขึ้น คาดว่าปีหน้าในส่วนของการเมืองและเศรษฐกิจไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

Advertisement

วัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ
ประธานหอการค้าภาคใต้

ยังมองไม่ชัดว่าใครจะได้เป็นรัฐบาลชุดต่อไป แต่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้จะทำให้นักธุรกิจมีความมั่นใจที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น แต่การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ทำให้เห็นว่าตลอดระยะเวลา 4 ปี ตัวเลขเศรษฐกิจก่อนและหลังเข้ามาบริหารประเทศก็ไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นมากนัก แต่หากจะให้เปรียบเทียบกันระหว่างพรรคคงจะเปรียบอะไรยังไม่ได้ตอนนี้ เพราะประเทศไทยไม่มีการเลือกตั้งจะเข้าปีที่ 5 แล้ว และระหว่างนั้น    ก็ไม่ได้มีช่องให้พรรคการเมืองออกมาบอกนโยบายพรรคของตนเองมากนัก

หากรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ได้สานงานที่ทำค้างไว้อยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก เพราะในหลายเรื่องก็ยังทำไม่สำเร็จ ส่วนเรื่องของข้อกฎหมาย หากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาแล้วจะปรับแก้ในบางข้อที่ยังเป็นปัญหา ผมคิดว่าสมควรทำเนื่องจากกฎหมายตอนนี้ยังไม่เอื้อต่อการลงทุน ซึ่งบางอย่างยังต้องขึ้นอยู่กับข้อกฎหมาย มองว่ารัฐบาลไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อเข้ามาแล้วต้องมีส่วนในการร่วมกันแก้ไข

ส่วนในเรื่องของพรรคที่จะเข้ามาทำงานต่อ จะไม่เปรียบเทียบว่าพรรคไหนดีกว่ากัน คงต้องดูที่ผลงานมากกว่า และพรรคที่มีสมาชิกอยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบันได้เข้ามาเป็นรัฐชุดใหม่ใช่ว่าจะได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเดิม และในวันนี้นโยบายเรื่องการขับเคลื่อนทางด้านเศรษฐกิจและประเทศก็ยังไม่ได้นำเสนอให้ประชาชนได้รับทราบ ดังนั้น จึงควรมีความชัดเจนมากกว่านี้ก่อนถึงจะเห็นทิศทางของประเทศชัดกว่านี้

ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์
ประธานหอการค้าภาคกลาง

เศรษฐกิจปัจุบันยังทรงตัวอยู่ แต่ในช่วงที่มีการเลือกตั้งเศรษฐกิจคาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ปัญหาหลักของประเทศไยเป็นในส่วนของเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจากการพัฒนาที่ผ่านมา มีผลบวกต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศมีแนวโน้มที่ดีแต่ในส่วนของเศรษฐกิจฐานรากยังไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลปัจจุบันหรือรัฐบาลชุดใหม่ควรเข้ามาช่วยเหลือ และหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ให้มากขึ้น

ส่วนในเรื่องของการเลือกตั้งในปี 2562 เป็นสัญญาณที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในฐานรากได้ เราไม่ได้บอกว่าเลือกตั้งแล้วเราจะเป็นประชาธิปไตย ได้พรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง แต่จากการคาดการณ์ดูเหมือนว่าประชาชนส่วนใหญ่หวังว่าการเลือกตั้งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่าง แต่คงลืมไปว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่าหรือพรรคใหม่ ก็ล้วนแต่มีนักการเมืองหน้าเก่า และลูกหลานนักการเมืองอยู่ในพรรคทั้งสิ้น แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนคือในเรื่องของกระจายรายได้ในช่วงการเลือกตั้ง ที่ทำให้เศรษฐกิจฐานรากขยายตัวส่วนหนึ่ง  ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของป้ายโฆษณาหาเสียง รถแห่ นำเงินไปจ้างคนเพื่อมาช่วยหาเสียง ลงพื้นที่จับจ่ายใช้สอยเพื่อช่วยชาวบ้าน รวมไปถึงเรื่องการแจกเงิน ที่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องแบบนี้จะหมดไป แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีเงินจำนวนนี้ทำให้เศรษฐกิจฐานรากฟื้นตัวขึ้นส่วนหนึ่ง

หากรัฐบาลใหม่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติคงเป็นเรื่องที่ลำบากพอสมควร เพราะทางรัฐบาลปัจจุบันได้มีการล็อกไว้แล้ว เนื่องจากประเทศของเรามีหลายกระทรวงจึงทำให้ควบคุมยาก จะให้ยึดแนวทางเดียวกับประเทศอื่นๆ คงไม่ได้ เพราะเนื่องจากไทยมีหลายส่วนที่ต้องดูแล

สำหรับผมคิดว่าการวางกรอบแนวทางไว้ 20 ปี ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ซึ่งธีมของประเทศเราคือ ไบโอเทคโนโลยี ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะผลักดันในส่วนของพืชผลทางการเกษตรอย่างเดียว แต่เพื่อให้ทุก  กระทรวงบูรณาการร่วมกันโดยนำเรื่องของเกษตรเป็นเรื่องเริ่มต้นในการผลักดันและพัฒนาร่วมกัน เรื่องที่อยากเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่จัดทำ

วิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ
รองประธานหอการค้าไทย ประธานหอการค้าภาคเหนือ

การเลือกตั้งในช่วงปี 2562 ที่กำลังจะถึงนี้ ยังไม่เห็นความชัดเจนว่าพรรคไหนจะได้เข้ามาบริหารประเทศ   อาจจะเป็นด้วยเรื่องของนโยบายที่ยังไม่มีความชัดเจน หรือทำให้เห็นภาพมากนัก ทำให้ทางฝ่ายเอกชนยังไม่สามารถคาดเดาว่าใครจะเป็นผู้ชนะในครั้งนี้

ทั้งนี้ ผลของการเลือกตั้งจะต้องเป็นไปตามที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ ส่วนในเรื่องที่หากมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ในส่วนของเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือไม่ คงต้องรอให้มีการปฏิบัติจริงก่อนจึงจะหาข้อสรุปได้

ปรัชญา สมะลาภา
ประธานหอการค้าภาคตะวันออก

ในการเลือกตั้งปี 2562 หากไม่ใช่รัฐบาลชุดเดิมบริหารประเทศ ในด้านเศรษฐกิจคาดว่าน่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะในส่วนของโครงการใหญ่ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันทำไว้ ได้มีการดำเนินการไปแล้วพอสมควร ซึ่งต้องดูว่าจะลงนามในสัญญาทันหรือไม่ ส่วนประเด็นที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และจะมีการปรับแก้กฎหมายต่างๆ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ผมมองว่าไม่สมควรเพราะในยุทธศาสตร์ชาติ เป็นที่คุ้นชินของประชาชนและได้มีการดำเนินการไปแล้ว โดยเนื้อหาในนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ควรทำ หากจะมีการปรับแก้อีกประเทศก็จะเหมือนไม่มีหลัก และถ้ารัฐบาลที่เข้ามาใหม่อยู่ได้ไม่นาน หากมีการเปลี่ยนรัฐบาลอีกจะต้องมานั่งแก้ไขอีกรอบหรือเปล่า ซึ่งวิธีคิดแบบนี้จะทำให้ประเทศย่ำอยู่กับที่

ในส่วนของกฎหมายที่ควรปรับแก้ ผมคิดว่าควรจัดตั้งหน่วยงานที่ดูเรื่องผลกระทบในเรื่องของกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่ว่าปัจจุบันยังไม่ได้มีการปฏิบัติตาม ซึ่งการออกหมายแต่ละครั้ง ทุกคนก็ทราบดีว่ากฎหมายมีทั้งผลดีและผลลบ บางครั้งผู้ที่ออกกฎหมายอาจคำนึงไม่รอบด้านจนทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก อาทิ กฎหมายเกี่ยวกับชาวประมง ซึ่งกฎหมายข้อนี้มองอย่างไรก็ได้ไม่คุ้มเสีย อยากจะฝากถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาทำงานว่าควรจัดตั้งหน่วยงานศึกษาผล กระทบของกฎหมายที่จะออกใหม่ก่อนที่จะไปผ่านสภา

หากพรรคเพื่อไทยได้เข้ามาบริหารประเทศ ในด้านของเศรษฐกิจทางพรรคคงส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ที่มี   รายได้น้อย หรือประชาชนฐานรากต่อไป ตามนโยบายและการทำงานของพรรค ทั้งนี้ หากพรรคประชารัฐได้เข้ามาบริหารประเทศ คงจะมีการสานต่อนโยบายที่รัฐบาลนี้ทำไว้ แต่ในเรื่องความเข้มข้นในการทำงานอาจจะไม่เท่ากัน แต่ว่าในอนาคตอาจจะมีกฎหมายที่ตีกรอบในเรื่องนี้ไว้ค่อนข้างเยอะ ในเรื่องของโครงการของประชานิยมอาจจะทำได้ไม่มาก คงจะต้องทำแบบมีเหตุผลมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image