ไพจิต ตั้งทัพรบศึกเลือกตั้ง ยันเพื่อไทย คือชีวิตจิตใจชาวบ้าน ยากลบล้าง หาพรรคเทียบยาก เมินสืบทอดอำนาจ รอวันชาวบ้านตัดสิน เชื่อไม่มีปฏิวัติซ้ำ
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศสนามการเลือกตั้งยังคงคึกคักต่อเนื่อง หลังมีการปลดล็อกการเมือง ทำให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคต่างๆ รวม 4 เขต เริ่มมีการเคลื่อนไหวเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง
โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 3 ถือเป็นฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทย ที่มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.คนสำคัญ คือ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย แชมป์เก่าถึง 10 สมัย มีคะแนนท่วมท้นมาตลอด และเป็นกุนซือคนสำคัญ หัวหน้ากลุ่ม ส.ส.อีสานพัฒนา เติบโตมาจากพรรคความหวังใหม่ ถึงพรรคไทยรักไทย ก่อนมาสังกัดพรรคเพื่อไทย และในครั้งนี้ได้เปิดตัวพร้อมสู้ศึกในนามพรรคเพื่อไทย และยืนยันจะตายกับพรรคเพื่อไทย
ล่าสุดหลังมีการปลดล็อกทางการเมือง ทาง ดร.ไพจิตได้ออกมาประกาศจุดยืนที่จะสู้ศึกเลือกตั้ง โดยในวันนี้ได้มีกลุ่มแกนนำชาวบ้านในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เดินทางมาแสดงพลัง เพื่อจะให้การสนับสนุนและให้กำลังใจที่บ้านพัก อ.เรณูนคร จ.นครพนม พร้อมได้มีการพูดคุยพบปะ ชูนโยบายให้กับพี่น้องประชาชน และยืนยันว่า ไม่หนักใจในเรื่องการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลมาจากการปฏิวัติ และเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะต้องชนะการเลือกตั้งทุกเขตในนครพนม
ดร.ไพจิต ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 3 เปิดเผยว่า ปัจจุบันเชื่อว่าบ้านเมืองเริ่มเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ หลังรอคอยมานาน ทั้งนี้สำคัญที่สุดต้องสร้างความเท่าเทียม บริสุทธิ์ ยุติธรรมแก่ประชาชน จึงจะเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชน สมกับการรอคอย และการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการชี้อนาคตของประเทศ ณ วันนี้เชื่อว่าจะไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ บ้านเมืองจะเดินไปข้างหน้า
สิ่งที่ยังกังวลคือเรื่องความไม่ชัดเจนเรื่องการปราศรัยหาเสียง ที่เคยเป็นวัฒนธรรม ซึ่งจะกระทบต่อข้อมูล การรับรู้ข้อเท็จจริงของประชาชน อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในจิตใจของประชาชน เป็นความหวังของประชาชน เพราะที่ผ่านมาเราจริงใจกับประชาชน ทำเพื่อประชาชน จึงได้รับการตอบแทนในการเลือกตั้งทุกครั้ง และครั้งนี้เชื่อว่าจะยังได้คะแนนครบทุกที่นั่ง ถึงจะถูกดูดไปบ้าง โดยเฉพาะพื้นที่นครพนม รวม 4 เขต จะได้ทุกที่นั่ง เพราะยากที่จะมีพรรคไหนได้ใจชาวบ้าน และยังมั่นใจว่าเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล อย่างไรก็ตาม สุดท้ายประชาชนตัดสิน ไม่สนใจการสืบทอดอำนาจ มั่นใจทุกอย่างจะจบด้วยดี แต่ทุกคนต้องยอมรับกฎกติกา ไม่ว่าจะพรรคไหน อยากให้คำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก และยังเชื่อมั่นว่าจะไม่มีปฏิวัติซ้ำ
