แม้ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ จะเป็น “นักการตลาด” แม้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะเป็น “วิศวกร” แต่ในฐานะที่เป็นนักเรียนที่เรียนจากสหรัฐอเมริกาย่อมคุ้นกับคำบทสรุป
เมื่อมี “แรงดีด” ก็ย่อมมี “แรงสะท้อน”
อย่างในกรณีที่มีเสียงจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ดังก้องเข้าไปในพรรคพลังประชารัฐ 1 เรื่องสถานะของ 4 รัฐมนตรีจะลาออก หรือไม่ลาออก
1 เรื่องการต่อรองจับจองเก้าอี้รัฐมนตรีของ”ขาใหญ่”หลายคนในพรรคพลังประชารัฐ
เท่ากับเป็นการ”แหย่ง”เข้าไปเพื่อ”หยั่งเชิง”
พลันที่บังเกิด”แรงสะท้อน”ดังออกมาจากภายในพรรคพลังประชารัฐก็ถือได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มี “ผลงาน”
เหมือนกับเมื่อ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ตอบคำถามของนักข่าวออก มาว่า “ใครคือคุณเฉลิม ผมไม่รู้จัก”
จะเป็นความคมคายอย่างยิ่งยวด
เช่นเดียวกับเมื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยืนยัน “พฤติกรรมของ ร.ต.อ.เฉลิมที่ออกมาสร้างข่าวเท็จ สร้างความขัดแย้งในสังคม ออกมาใส่ร้ายป้ายสี ข่มขู่ผู้คน
พฤติกรรมเหล่านี้ ร.ต.อ.เฉลิมไม่เคยเปลี่ยน”
จะเป็นการแสดงให้สาธารณะเห็นว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รู้จักรากฐานและความเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นอย่างดี
แต่คำถามที่ตามมาก็คือ จบหรือไม่
บทสรุปที่ว่า “ไม่จบ”นี่แหละคือเป้าหมายแท้จริงของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ในการออกมาสร้างประเด็นกระทั่งก่อให้เกิดภาวะ หงุดหงิดขึ้นในใจ
ไม่ว่าจะเป็นใจของ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นใจของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
กระทั่งมิอาจอดรนทนได้ จึงต้องออกมาตอบโต้
อย่าได้แปลกใจหากจะได้ยินเสียงหัวเราะดังกึกก้องมาจากบ้านบางบอน ประสานกับเสียงหัวเราะดังมาจากบ้านในดูไบ
ถามว่า ใครคือ “เฉลิม”
เป็นไปได้หรือที่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ จะไม่รู้จัก เป็นไปได้หรือที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะไม่รู้จัก คำถามอยู่ที่ว่าเมื่อรู้จัก แล้วทำไมจึงตกเป็น”เหยื่อ”
หลงกินเบ็ดที่”ทอด”มาจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง