นิวส์รูมวิเคราะห์ : “ประยุทธ์-ทักษิณ” การตลาดเลือกตั้ง ชื่อไหนขายได้

การเกิดขึ้นของ”พรรคพลังประชารัฐ” ในช่วงแรกๆ มีเสียงเย้ยว่า ไม่มีทางประสบความสำเร็จ
พร้อมเสียงเตือนให้ระวังจะซ้ำรอย”พรรคสามัคคีธรรม” ที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารปี 2534 และทำให้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ในปี 2535

แต่เมื่อพรรคพลังประชารัฐ โชว์”พลัง” มุมมองต่อพรรคพลังประชารัฐก็เริ่มเปลี่ยนไป
ไม่ว่า จะเป็นการเปิดตัว 4 รัฐมนตรีเป็นแกนนำพรรค อดีต ส.ส.และนักการเมืองจากพรรคต่างๆ แห่สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค

จากที่มองว่า จะเป็นพรรคเล็ก หรือเต็มที่แค่พรรคขนาดกลาง กลายเป็นพรรคขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที

นโยบายบางเรื่องของรัฐบาล ก็ถูกวิจารณ์ว่า เป็นการติดปีกให้พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อรวมกับกฎกติกา และรัฐธรรมนูญ ที่มีเสียงยอมรับว่า ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา ทำให้พรรคพลังประชารัฐมั่นใจว่า จะได้ ส.ส.ระบบเขตและบัญชีรายชื่อ ไม่ต่ำกว่า 150 คน
มากพอที่จะจับมือกับพรรคเครือข่าย และพรรคที่รอร่วมรัฐบาลจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
เมื่อผนึกกับ 250 ส.ว. พลังก็เหลือเฟือที่จะดันพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

Advertisement

แต่ในฮึกเหิมของพรรคพรรคพลังประชารัฐ ลึกๆ ก็มีความหวั่นไหว และออกอาการไม่มั่นใจเต็มร้อย

การเลือกตั้งที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ก็ถูกมองว่า ยื้อเวลาให้พรรคพลังประชารัฐแต่งตัว
ผลสำรวจของ”นิด้าโพล” ที่ออกมาก็สร้างความว้าวุ่น
โดยผลสำรวจหัวข้อ “อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” จำนวน 5 ครั้งที่ผ่านมา พบว่า คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ครั้งแรกสูงถึง 38.64 % ครั้งที่ 2 เหลือ 32.24 % ครั้งที่ 3 เหลือ 31.26 % ครั้งที่ 4 เหลือ 29.66 % และครั้งที่ 5 ลดลงอีก เหลือแค่ 24.05 %

ทั้งนี้ การสำรวจ 4 ครั้งแรก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครองอันดับ 1 มาตลอด
แต่ครั้งที่ 5 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หล่นไปอยู่อันดับ 2 โดยมีชื่อของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ผงาดขึ้นมาเป็นอันดับ 1
และการสำรวจครั้งที่ 2-5 ยังพบว่า ประชาชนยังอยากให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลทุกครั้ง

ผลสำรวจที่ออกมา ทำให้พรรคพลังประชารัฐต้องเร่งขับเคลื่อนด้านต่างๆ ซึ่งเป็นที่มาของการถูกวิจารณ์ว่า เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น

ที่น่าสนใจคือ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่กล่าวในการสัมมนาที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ ว่าหากจะชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ชนะคู่แข่ง จะต้องขายนโยบายของพรรคด้วย
เหมือนจะยอมรับกลายๆ ว่า ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังขายไม่ค่อยได้
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญนั้น ชื่อ”ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ขายได้ตลอด
ปี 2550 หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 พรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง
ปี 2554 พรรคเพื่อไทย ที่ใช้สโลแกน”ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ก็ชนะการเลือกตั้ง
ปี 2562 ที่จะมีการเลือกตั้ง ต้องดูว่า ระหว่างชื่อ”ประยุทธ์”กับ”ทักษิณ” ชื่อไหนจะขายได้ดีกว่ากัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image