เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาวิชาการ “ว่าด้วยบทเรียนและบทบาทในการสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย” โดยมีนักวิชาการและผู้สนใจร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นจำนวนมาก
รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงประเด็นหลุมพรางทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งที่มีอยู่จำนวนมาก อาทิ การออกแบบการเลือกตั้งตาม รธน.60 เพื่อลดทอนความเข้มแข็งของสถาบันพรรคการเมือง สร้างความคลุมเครือในการตัดสินใจของประชาชน การเซ็ตซีโร่สมาชิกพรรคการเมือง การชะลอความพร้อมจัดการเลือกตั้งโดยใช้มาตรา 44 ล็อกไว้ ขณะเดียวกันยังใช้ ม.44 ให้อำนาจเบ็ดเสร็จแก่ กกต.ในการจัดเขตเลือกตัั้ง ซึ่งหลายพื้นพี่เป็นไปอย่างพิสดาร ทั้งนี้ สิ่งที่เห็นจากการวางหลุมพรางทั้งหมดคือ การวางกลไกให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงการมี ส.ว.จากการแต่งตั้งจากนายกฯและหัวหน้า คสช.
“สิ่งที่อยากเรียกร้องหลังเลือกตั้งคือ อยากให้ ส.ว.เคารพเสียงข้างมากของประชาชน เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะโหวตตามเสียงข้างมากที่ประชาชนเลือก หากไม่มั่นใจสามารถงดออกเสียงได้ สิ่งนี้อาจช่วยลดทอนอิทธิฤทธิ์กลเกมที่วางไว้ ขณะเดียวกัน การเลือกนายกฯครั้งนี้น่าสนใจตรงที่เราอาจไม่ได้เห็นรายชื่อ ส.ว.ที่ถูกคัดเลือกมาอย่างเป็นทางการ แต่รายชื่อที่มีการทูลเกล้าฯอาจเปลี่ยนหลังจากผลของ ส.ส.ออกมาแล้ว เป็นที่น่าจับตามองว่า ส.ว.เหล่านั้นผ่านการเลือกโดยใคร” รศ.ดร.สิริพรรณกล่าว
รศ.ดร.สิริพรรณกล่าวต่อว่า ความกังวลใจหลังการเลือกตั้งครั้งนี้โยงกันหมดตั้งแต่ก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จนถึงหลังการเลือกตั้ง ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองสูงมาก และจะถูกลดทอนโดยอำนาจที่ คสช.ยังมีอยู่เต็มร้อยในฐานะรัฐบาล สิ่งหนึ่งที่ต้องจับตามองคือ เงื่อนเวลาของพิธีสำคัญในประเทศจะกลายเป็นตัวแปรให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นไปตามแนวทางที่อำนาจรัฐอยากให้เป็นหรือไม่ เพราะประชาชนไม่กล้าร้องเรียนมาก
“เชื่อว่าพลังที่ประชาชนจะช่วยสังเกตการณ์การเลือกตั้งจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ แม้จะไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลแต่แรก แต่ก็มีความหวังที่จะทำให้ผลการเลือกตั้งจะไม่ผิดหวังมากนัก หากทุกฝ่ายช่วยกันเฝ้าสังเกตการณ์ สร้างเครือข่ายระหว่างกัน น่าจะเป็นแนวทางช่วยบรรลุเป้าหมายได้” รศ.ดร.สิริพรรณกล่าว
