‘เจ๊หน่อย’ ลงพื้นที่บางกะปิ โวยทหารยังตามประกบ ‘เพื่อไทย’ แถมบีบชาวบ้านไม่ให้ร่วมพูดคุย

เวลา 07.30 น. วันที่ 16 ธันวาคม ที่สวนพฤกษชาติคลองจั่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่รับสมัครสมาชิกพรรคและรับฟังปัญหาจากประชาชนในเขตพื้นที่บางกะปิ คลองจั่นและละแวกใกล้เคียง โดยช่วงเช้าคุณหญิงสุดารัตน์ ได้ร่วมวิ่งออกกำลังกาย และเดินทักทายบรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่ตลาดบริเวณใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่ได้สะท้อนปัญหาเกี่ยวกับเรื่องปากท้องและรายได้ โดยส่วนใหญ่ต้องการให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อการครองชีพ ทั้งนี้ บรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างคึกคัก ชาวบ้านเข้ามาทักทายและร่วมถ่ายรูป เนื่องจากเป็นเขตพื้นที่และฐานคะแนนเดิมของพรรคพท.อยู่แล้ว

จากนั้น เวลา 09.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เดินทักทายประชาชน และพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดคลองจั่น ก่อนเดินไปรับฟังปัญหา และพูดคุยกับประชาชนที่อาศัยอยู่ย่านแฟลตคลองจั่นที่อาคารสันทนาการผู้สูงวัยคลองจั่น อาคาร 2 แฟลตคลองจั่นที่ 15

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงดำเนินการของพรรคพท.ภายหลังจากที่มีความชัดเจนเรื่องของวันเลือกตั้งแล้วว่า ขณะนี้พรรคเริ่มลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาจากกลุ่มต่างๆ รวมถึงหาแนวทางแก้ไขปัญหาซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของปัญหาด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจภาพรวมค่อนข้างแย่มาก ซึ่งการรับฟังเรารับฟังในทุกระดับ ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ค้าขาย ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เพราะทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบทั้งหมด ทางพรรคจึงได้มีการประกาศจุดยืนว่าเราจะหยุดวิกฤติเศรษฐกิจทุกชนชั้น ยกเว้นคน 1% ที่อยู่ด้านบน มีเพียง 50 ถึง 60 คนเท่านั้น ซึ่งจำเป็นต้องมาดูแลปัญหาเรื่องปากท้องอย่างจริงจัง เพราะปัญหาเศรษฐกิจทำให้เกิดปัญหาทางสังคมหลายด้าน เฉพาะทำให้ปัญหายาเสพติดระบาดมากขึ้น ในพื้นที่ต่างจังหวัดบางหมู่บ้านมีปัญหายาเสพติดยกหมู่บ้าน

Advertisement

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การหยุดวิกฤติเศรษฐกิจจะต้องแก้ปัญหาใน 3-4 ระดับ อย่างวันนี้ในการลงพื้นที่ก็ได้รับเสียงสะท้อนเกือบทุกร้านค้าว่าขายสินค้าไม่ได้ ยอดขายตกต่ำ จำนวนคนซื้อน้อยลง กำลังซื้อหดตัวลง จุดนี้เราต้องเพิ่มกำลังซื้อ ซึ่งฐานใหญ่ก็คือเกษตรกร เราต้องยกระดับราราพืชผลให้สูงขึ้น เพื่อที่ประชาชนจะมีรายได้เพียงพอ ทั้งนี้ พรรคพท.ได้เตรียมมาตรการไว้ไปเที่ยวเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา หรือพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ในส่วนธุรกิจขนาดเล็ก ปัจจุบันการเข้าถึงแหล่งเงินทุนค่อนข้างน้อย พรรคมีนโยบายที่จะขจัดอุปสรรคต่างๆ เราจึงมีนโยบายเดินหน้าเข้าหาประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อรับทราบปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหา

“พรรคพท.มันใจว่าพรรคมีความคิดต่างจากรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะการนำเงินมหาศาลไปแจกจ่ายอย่างเดียว แนวทางของพรรคคิดว่าจะต้องเพิ่มศักยภาพในการทำมาหากิน ในการเข้าถึงธุรกิจ เพราะการแจกเงินอย่างเดียวไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน อย่างการขึ้นทะเบียนคนจนที่รัฐทำอยู่ ถ้าเป็นเราจะมีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนมากกว่า” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

Advertisement

เมื่อถามถึงความได้เปรียบเสียเปรียบในการลงพื้นที่หาเสียงหลังจากมีการปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ความได้เปรียเสียเปรียบก็ยังมีอยู่ อย่างพี่ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษก็มีการทำกลุ่มประชาชนว่าไม่ให้เข้ามาพบประพูดคุย หากเข้ามาพบกับทางพรรคพท.จะมีการตัดงบในส่วนต่างๆ เป็นการใช้อำนาจของข้าราชการที่มีสี ยอมรับว่าการลงพื้นที่ยังยากลำบาก ยังมีทหาร ตำรวจคอยติดตามอยู่แม้เราจะไม่ว่าอะไรแต่ก็ไม่ควรที่จะห้ามให้ประชาชนหรือทางพรรคพบประกันเพราะกฎหมายได้อนุญาตแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร ก็จะอดทนก้มหน้าก้มตาเดินหน้าทำงานต่อไป และคงจะไม่ไปเรียกร้องอะไรจากคสช. เพราะเห็นว่าเปล่าประโยชน์

เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มันจะวางตัวอย่างไรหลังจากที่พรรคพลังประชารัฐเตรียมส่งเทียบเชิญให้ไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ คุณสุดารัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้พูดยาก จะไปตอบแทนก็คงไม่ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสามัญสำนึก และความคิดของแต่ละคน เพราะวันนี้กติกาต่างๆก็บิดเบี้ยว และเอาเปรียบมากอยู่แล้ว การอยู่ในอำนาจสามารถอยู่ในงบประมาณ ใช้ทรัพยากรของรัฐซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนไปทำอะไรก็ได้ถือว่าผิดปกติกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆมาอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้แม้จะเป็นรัฐบาล ก็เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการเท่านั้น จะใช้งบประมาณหรือแต่งตั้งข้าราชการก็ไม่ได้ แต่รัฐบาลปัจจุบันมีอำนาจเต็ม ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ความคิด และจิตสำนึก แต่ที่สำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะตัดสินใจ พรรคและตน แม้จะเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำก็พร้อมอดทน และเดินหน้าทำงาน พยายามทำทุกอย่างตามกฏหมาย

เมื่อถามว่ามองอย่างไรก็รณีที่รัฐบาลปฏิเสธไม่ให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่คนส่วนใหญ่กังวล คือการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ที่จะมีการซื้อเสียงหรือใช้อำนาจรัฐ ซึ่งทุกคนก็เห็นอยู่ว่ามีแนวโน้มในการที่จะใช้เงินในการดูด และการใช้อำนาจรัฐอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เราเองก็เกรงว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม วันนี้จึงฝากความหวังไว้กับกกต. ในฐานะที่เป็นองค์กรอิสระ จะไม่อยู่ภายใต้อาณัติของใคร จัดการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ให้ใคร เพราะการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ปราศจากอำนาจและการซื้อเสียง จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก การที่จะมีหน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยสังเกตการณ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจก็ควรจะอนุญาต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image