เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่16 ธันวาคม ที่ลานหน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ได้มีการจัดกิจกรรม เวทีสาธารณะ “ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน โดยมีการละเล่น ”เกมส์กำจัดอ้ายคนจน” ช่วงที่ 3 ดำเนินรายการโดย ดร.เดชรัตน์ สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ซึ่งมีผู้เล่นประกอบด้วย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ พรรคเกียน ,นาย ธนพร ศรียากูล พรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย, นาย ศิววงศ์ สุขทวี พรรคสามัญชน , น.ส.เยาวภา บุรพลชัย หรือน้องวิว อดีตนักกีฬาเทควันโด้ทีมชาติ พรรคชาติพัฒนา ,นาย จิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล พรรคภูมิใจไทย ,นาย ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส พรรคเพื่อไทย นายพชร นริพทะพันธุ์ พรรคไทยรักษาชาติ ,นาย สุพจน์ อาวาส พรรคประชาชาติ ,นายพงศา ชูแนม พรรคกรีน ,นาย พริษฐ์ วัชรสินธุ หลานชายนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ ,นาย ชื่นชอบ คงอุดม พรรคพลังท้องถิ่นไท , ดร.รยุศด์ บุญทัน พรรคเพื่อชาติ,นาย เบญจรงค์ สวัสดิ์พาณิชย์ พรรคเสรีรวมไทย นาย รังสิมันต์ โรม พรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ พรรคพลังประชารัฐ
ภายหลังเล่นเกมส์ได้มีการสัมภาษณ์ถึงนโยบายเกี่ยวกับปัญหายากจนในหัวข้อเกมส์ที่เล่น โดย น.ส.ธณิกานต์ จากพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในส่วนตัวการเเก้ไขคนยากจนจะมี 2 ส่วน คือระยะสั้นที่จะเป็นเรื่องความปลอดภัยมีที่ดินทำกินเเละการรักษาทรัพย์สินไม่ให้หายไป เเละระยะยาว จะเป็นเรื่องการศึกษา ที่เหมาะสมทำให้มีรายได้มากขึ้น
นายพริษฐ์ หลานชายนาย อภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความยากจนเกิดขึ้นจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ เราต้องมีเเผนระยะสั้นคือเรื่องปากท้องเเละปัญหาการเกษตร ซึ่งเราจะต้องมีการประกันรายได้กับคนไทยทุกกลุ่ม ในเวลาที่ราตกต่ำรัฐบาลต้องไปผสมในส่วนต่างเเต่ไม่ได้หมายความว่าไปทำให้เกิดผลกระทบกลไก ตลาด ปัจจุบันนี้เราจะเห็นว่าค่าเเรงขั้นต่ำไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ เงินที่เราให้เขาต้องไม่ผูกกับร้านค้าบางชนิดตะเป็นการโอนตรงเข้าบัญชี เราต้องสร้างฐานข้อมูลว่าบางคนที่หลุดพ้นจากความจน ก็ไม่ต้องรับสวัสดิการตรงนี้ ระยะยาวคนต้องเข้าถึงนโยบายการศึกษาถึงจะเเก้ความจน เราจะนำเสนอเบี้ยเด็กเข้มเเข็งเกิดปุ๊ปรับเงินเเสนเจตนาใช้เพื่อการโภชนาการในค่าอาหาร มีการเพิ่มเเรงจูงใจเรียนอาชีวะให้เรียนปวศ.ฟรี
นายตรีรัตน์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะเห็นอยู่ในเมืองชีวิตลำบาก นโยบายของเราหัวใจคือประชาชนสร้างรายได้ลดรายจ่ายไม่ใช่จ่ายเงินมา 500 บาท ใช้3วันก็หมดค่ารถไฟฟ้า ค่าอาหารก็เเพงหลายบาท มาให้เงินโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งหวังผลอะไรหรือไม่สิ่งที่เราจะทำคือลดรายจ่ายเเบบยั่งยืน เราจะมีการเพิ่มเบี้ยเลี้ยงของผู้สูงอายุ ภาครัฐต้องสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยตรงนี้สำคัญในปัจจุบันนี้ไปที่ไหนมีเเต่คนบอกว่าเงียบ ที่เราต้องทำคือเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายตรงนี้คือหัวใจ
นายสุพจน์ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า ทางพรรคชูนโยบาย เราจะต้องคืนงบประมาณกลับไปยังท้องถิ่น ซึ่งเราจะทำได้คือขอเรียกร้องให้พรรคที่ต่อต้านเผด็จการ เรามารวมตัวกัน เเละไม่เป็นงูเห่าเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ทุกคนต้องไม่เอาใครก็ตามที่เป็นทายาท คสช.มาเป็นรัฐบาล
นายพชร พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า อนาคตเราไม่ได้อยู่ในมือเรา เเต่อยู่ในมือคนหยิบมือเดียว เหตุการทั้งหลายนั้นเกิดจากรัฐบาลเเละได้สร้างปัญหาให้พวกเรา ไม่ว่าจะเป็นชาวนา หรือนักธุรกิจ ไม่ว่าจะทำโครงการอะไรมากก็เกิดปัญหามาก เราเหมือนอยู่เขาวงกตที่คนไม่ได้กำหนดชีวิตเอง ฉนั้นเราต้องทำอย่างไรให้กำหนดชีวิตได้ด้วยตัวเอง รัฐก็เอาเงินกระจายไปในสิ่งที่เราไม่รู้ว่าต้องกระจายไปทำไม ต่อไปเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โลกจะเปลี่ยน เราต้องทำให้อำนาจไปอยู่กับประชาชนอย่าให้รัฐมากำหนด
นายรังสิมันต์ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เราต้องช่วยกันที่จะทำอย่างไรที่ประชาชนจะออกจากระบอบรัฐประหาร ตลอด 80 กว่าปีเรามีรัฐบาล ปัญหา เเละรัฐประหาร เป็นเเบบนี้วนไป กับระบอบเเบบนี้มานาน เรามีปัญหากับการเสนอนโยบายยิ่งเพื่อประชาชน สร้างความไม่พอใจของผู้สูญเสียประโยชน์จากตรงนี้ ที่เราทำให้ได้คือการสร้างรัฐสวัสดิการ ปัญหาเศรษฐกิจเกิดจากผู้มีอำนาจไม่ใส่ใจคนตัวเล็ก ที่เราต้องคิดคือเราทำอย่างไร ว่าวันที่เราล้มเรายังมีฟูก พรรคเราเคยคิด งบประมาณนำไปสู่รัฐสวัสดิการที่ต้องใช้งบประมาณ6เเสนล้านบาทซึ่งเรามีเงินอยู่ 2.8 เเสนล้านบาท อีก 3 เเสนกว่าล้านบาทเราจะเอามาจากการลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม นกเลิกโครงการประชารัฐที่ใช้เงิน 4 หมื่นล้าน เเก้ไขทีโอไอเพื่อคืนเงินให้กับประชาชน หลายอย่างประเทศเรามีงบอยู่เเล้ว ถ้าเราจัดสรรดีไม่ว่าเกิดชนชั้นไหนจะได่แระโยชน์สูงสุดเท่าเทียมกัน สิทธิลาคลอด เราจะได้มากขึ้น คนจบการศึกษาภาคบังคับจะมีเกณฑ์ ในวันข้างหน้าไม่ว่าประเทศไทยจะมีรัฐประหารหรือมีการพยายามหยุดยั้งไม่ให้ประเทศเดินหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคจะต้องอยู่ข้างประชาชน
นายสมบัติ พรรคเกียน กล่าวว่า รากฐานปัญหาความยากจนเกิดจากโครงสร้างที่รัฐเป็นผู้สร้างอุปสรรคให้กับประชาชน เช่นรัฐไม่เข้าไปจัดการกับการถือครองที่ดินทำกิน รัฐไม่ส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพเพียงพอทำให้ประชาชน ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพเพิ่มมากขึ้นได้ พรรคเกียนเสนอถึงขนาดว่าเราจะใช้หนี้ เเละเพิ่มงบประมาณกลาโหมด้วย เเต่มีเงื่อนไขว่าเราอยากเชิญชวนคนในสังคมคิดเรื่องอุตสาหกรรมต้นไม้ โดยการปลูกต้นไม้ยืนต้น เเละสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต การปลูกต้นไม้จะเป็นการลดพื้นที่การทำเกษตรพืชไร่ที่มีปัญหาเรื่องมีผลผลิตเกินความต้องการ จนราคาตกเเละรัฐต้องเข้าไปอุดหนุน
“ส่วนงบประมาณที่เราจะนำไปใช้หนี้ 12 ล้านล้านบาท หากเราเอาที่ดินทหารไปปลูกต้นไม้ยืนต้นภายใน 15-20 ปี เราจะเอาไม้เนื้อเเข็งเหล่านั้นมาสร้างเป็นรายได้งบประมาณกองทัพได้ เราก็สามารถที่จะหักเงินภาษีประชาชนที่จะไปซื้ออาวุธสงคราม เราจะเอางบประมาณเหล่านี้มาใช้จ่ายเป็นรัฐสวัสดิการได้ อันนี้เป็นเเนวคิดคร่าวๆเราเขื่อว่าสิ่งที่เราจะต้องสนับสนุนไม่ใช่อุตสาหกรรมไฮเทคเเต่เป็นอุตสหกรรมที่เป็นจุดเเข็งคือ มีที่ดินเเสงเเดด เเละน้ำที่ดี” นายสมบัติ กล่าว