หากดูจากท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ ต่อบุคลากรของพรรคพลังประชารัฐ คล้ายกับว่าปัญหาจะอยู่ที่การสวมหมวก 2 ใบของ 4 รัฐมนตรีอันเป็น 4 ยอดกุมาร
อาจใช่เพราะนับวัน ตำแหน่งรัฐมนตรีกับตำแหน่งในพรรคจะแสดงให้เห็นถึงภาวะลักลั่น พะอืดพะอม
แต่หากสำรวจนับแต่เหตุการณ์ ณ โรงแรมแชงกรี-ลาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน เป็นต้นมา ปัญหาของพรรคพลังประชารัฐน่าจะอยู่ที่ “คำพูด”มากกว่า
เริ่มจาก “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” ตามด้วย “พรรคพลังประชารัฐจะกวาด 350 ส.ส.” ตามด้วย “จะอดตายอยู่แล้ว”
และปิดท้ายด้วย “จองเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้ว 2 ลำ”
การโพล่ง “ถ้อยคำ” ในแต่ละห้วงเวลาของสถานการณ์ต่างหากกำลังก่อปัญหาให้กับพรรคพลังประชารัฐ
เหมือนกับจะเป็นปัญหาของ “มือใหม่”
แต่ถ้าหากย้อนไปพิจารณาจากกรณีของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประสานเข้ากับกรณีของ นายภิรมย์ พลวิเศษ ก็มิได้เป็นปัญหาของ “มือสมัครเล่น”ทางการเมือง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อาจถือได้ว่าเป็น “นิวคัมเมอร์”
แต่กล่าวสำหรับ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ก็ติดสอยห้อยตาม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาตั้งแต่อยู่นิด้าและตามมายังพรรค ไทยรักไทยด้วย
ยิ่ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยิ่งมิใช่ “ละอ่อน”
การหลุดถ้อยคำประเภท “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” จึงมิใช่ “อุบัติเหตุ”หากแต่เป็นความเชื่อมั่น หากแต่เป็นความมั่นใจ
เพียงแต่มิได้คาดคิดมาก่อนว่า “อุณหภูมิ” ความรู้สึกในทางสังคมจะร้อนแรงในเชิงโต้กลับหนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้
จึงจำเป็นต้องแก้ข่าวแล้วแก้ข่าวอีกจนกลายเป็นเรื่องซ้ำซาก
ความมั่นใจเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อมีความมั่นใจก็สามารถก้าวทะยานไปข้างหน้าด้วยความเชื่อมั่น แต่อาจกลายเป็น”จุดอ่อน”ได้
นั่นก็เนื่องมาจากความมั่นใจอย่างสุดโต่ง มั่นใจในอำนาจ มั่นใจในโอกาสที่พรรคพลังประชารัฐมีเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น
คำพูดจึง”หลุด”ออกมาภายในความเชื่อมั่นอย่างนี้
ข่าวรอบด้าน กับ Line@มติชนนิวส์รูม คลิกเป็นเพื่อนกัน ได้ที่นี่
