เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการแสดงความเห็นในช่วงการทำประชามติว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้อธิบายถึงสิ่งที่ทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้คนที่ไม่ได้เรียนกฎหมายเข้าใจง่ายขึ้น แต่สังคมก็ยังมีความเห็นต่าง และต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสินอยู่ดี ตนจึงอยากให้ตั้งหลักที่ว่า การแสดงความเห็นนั้นจะต้องไม่สร้างความวุ่นวาย บิดเบือน และปลุกระดม รวมถึงแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ก็ไม่น่ามีปัญหา ซึ่งการแสดงความเห็นนั้นก็ต้องดูกฎหมายอื่นประกอบด้วย จะดูที่กฎหมายประชามติอย่างเดียวไม่ได้ บางครั้งการกระทำอาจจะไม่ผิดกฎหมายประชามติ แต่อาจผิดคำสั่ง คสช.ได้ ดังนั้น ต้องดูหลายเงื่อนไขประกอบด้วย
เมื่อถามว่าบรรยากาศการทำประชามติครั้งนี้อึดอัดกว่าปี 2550 หรือไม่ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่าอึดอัดกว่าแน่นอน เพราะในสมัยนั้นกฎหมายไม่ได้เป็นอย่างนี้ สามารถรณรงค์ได้ ตั้งกลุ่มปราศรัยได้ แต่ทุกวันนี้คนไม่กล้าแสดงความเห็น เพราะไม่มั่นใจว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้บ้าง ทำให้ต่างพากันเงียบ แต่ฝ่ายที่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญอย่างคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ดี เขาก็ลงพื้นที่ชี้แจงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญและจัดกิจกรรมได้ แต่คนอีกส่วนหนึ่งกลับทำไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่ตนเรียกร้องเสมอมาคือสิทธิของคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจะต้องมีความเท่าเทียมกัน ผู้มีอำนาจต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมีสิทธิดังกล่าวจริง และหาวิธีให้เขาแสดงความเห็นให้ได้ ขณะนี้เห็นชัดว่าสิทธิของสองฝ่ายไม่เท่ากัน ถ้าเป็นแบบนี้จะเป็นปัญหาแน่ ส่วนฝ่ายคนที่ไม่เห็นด้วย เวลาแสดงความเห็นก็ต้องคุมสถานการณ์ให้อยู่ และไม่สร้างความวุ่นวายหรือมีความปั่นป่วนในระหว่างจัดเวที หากเกิดอะไรขึ้นคุณก็ต้องรับผิดชอบด้วย
