เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ “ลูกนัท”ทายาทนักธุรกิจเครือโนเบิล บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเมืองไทย ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็น ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายทางการศึกษาที่ใช้ในการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 ในประเด็น ‘เกิดปั๊บได้สิทธิรับเงินแสน’
โดยยระบุว่า “เกิดปั๊ปรับสิทธิเงินแสน เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่ประชานิยม”
เกิดปั๊ปรับสิทธิเงินแสน ไม่ใช่นโยบายประชานิยมแต่เป็นนโยบายสวัสดิการขั้นพื้นฐาน และเป็นหลักประกันสำหรับเด็กแรกเกิดให้ได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ คือ นโยบายเพื่ออนาคต
.
ปัจจุบันความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาและความท้าทายอันดับแรกที่ไทยกำลังเผชิญ
การศึกษาเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะลดทอนช่องว่างระหว่างชนชั้นให้แคบลงได้ และการศึกษานี้ไม่ควรเป็นภาระของประชาชนต้องมาแบกรับค่าใช้จ่าย แต่รัฐควรจะเป็นผู้หยิบยื่นโอกาสนี้ให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเสมอภาค
.
ปี2560 มีเด็กแรกเกิด 700,000 คน หากต้องให้เดือนแรกเกิด 5,000 บาท และเดือนละ 1,000 x 12 เดือน จะเท่ากับรัฐฯใช้งบประมาณทั้งหมด เพียงแค่ 11,900 ล้านบาท
ในขณะที่เมื่อไม่นานมานี้ ครม. เพิ่งอนุมัติงบบัตรคนจนไปกว่า 38,000 ล้านบาท
.
ผมอยากสอบถามพี่น้องว่า การวางแผนใช้งบประมาณเพื่ออนาคตแบบที่พรรคฯเสนอ กับการใช้งบแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำที่มีราคาสูงกว่าถึง 3 เท่า แต่ผลลัพธ์กลับแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แบบไหนที่พ่อแม่พี่น้องอยากได้มากกว่ากันครับ
.
การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด คือ การลงทุนกับศึกษา เราต้องเป็นการพัฒนาการศึกษา พัฒนาต้นทุนชีวิต ให้ประชาชนทุกคนเท่าเทียม นั่นคือวิธีการขจัดความจนที่ได้ผลที่สุดครับ!
#การศึกษาคืออนาคต #ต้นทุนชีวิตทุกคนต้องเท่ากัน
