การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 มีนักกีฬาชื่อดังที่ตัดสินใจลงสมัครสมาชิกพรรคการเมืองและลงสมัครรับเลือกในครั้งนี้ ขณะเดียวกันในอดีตที่ผ่านมามีนักกีฬารุ่นพี่หลายคนเช่นกันที่ลงเล่นการเมือง รวมทั้งนักการเมืองรุ่นใหญ่หันเหพักชีวิตการเมืองเบื้องหน้าและหันชีวิตมาเป็นเจ้าของทีมกีฬา ลองมาดูกันว่ามีใครบ้าง
“มาดามเดียร์” นางวทันยา วงษ์โอภาสี อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชุดแชมป์กีฬาซีเกมส์ 2017 ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), อดีตบริษัท สปริงส์นิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตัดสินใจลาออกจากวงการธุรกิจสื่อและสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
“เขาทราย แกแล็คซี่” นายสุระ แสนคำ อดีตนักมวยแชมป์โลกชาวไทย รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวต (115 ปอนด์) สมาคมมวยโลก (WBA) เจ้าของฉายา “ซ้ายทะลวงไส้” หลังจากแขวนนวมก็หันหน้าสู่วงการบันเทิง เล่นหนังเล่นละครหลายเรื่อง จากนั้นเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน และลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบสัดส่วน ปี 2550 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ต่อปี 2554 ย้ายไปอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 2 จ.เพชรบูรณ์ แต่ก็สอบตกอีกครั้ง
“เขาค้อ แกแล็คซี่” นายวิโรจน์ แสนคำ อดีตแชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวต (118 ปอนด์) สมาคมมวยโลก (WBA) หลังแขวนนวมก็ทำธุรกิจส่วนตัว โดยสมัครเข้าสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา
“วิว” เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักเทควันโดหญิง ฮีโร่เหรียญทองแดงกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อปี พ.ศ.2547 ตัดสินใจเล่นการเมืองในนามพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เมื่อปี 2554 ในพื้นที่เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง โดยครั้งนี้เป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาและเตรียมลงเลือกตั้งแบบเขตอีกครั้งที่เขตหลักสี่เช่นเดิม
“บอล” ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมือวางอันดับ 3 ของโลกชาวไทย หลังแขวนแร็กเกต เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ปี 2554 ลงสมัครรับเลือกตั้งในปีเดียวกัน
แต่เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว พบว่าภราดรไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข. จึงถูกตัดสิทธิ
“เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยและผู้จัดการทีม หลังแขวนสตั๊ดก็หันสู่วงการบันเทิงสลับการเป็นโค้ชฟุตบอล ปี 2554 สมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้ลงรับสมัครเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
“บาส” สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักกีฬาทีมชาติไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกฤดูร้อน 1996 เจ้าของสโลแกน “ไม่ได้โม้” หลังจากแขวนนวมก็เข้าสู่วงการบันเทิง ปี 2554 ก็สมัครเข้าสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา
“เป็ด” เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง อดีตนักมวยไทยชื่อดัง ภายหลังแขวนนวม ปี 2554 ก็สมัครเข้าสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา โดยจะลงเลือกตั้งในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช บ้านเกิด แต่ทว่าเมื่อตรวจสอบคุณสมบัติแล้วก็ถูกตัดสิทธิ เนื่องจากพบว่าไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งที่ผ่านมา
“เติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ อดีตนักมวยสากลสมัครเล่นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก จากการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูร้อน 2004 ที่ประเทศกรีซ หลังแขวนนวม ปี 2554 ก็สมัครเข้าสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ลงเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อพรรค ลำดับที่ 18 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
“โปรช้าง” ธงชัย ใจดี นักกอล์ฟอาชีพชื่อดัง ตัดสินใจสู่สนามการเมืองเข้าสมัครสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)
“เสี่ยโอ่ง” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังโดนแบนการเมือง เป็นอดีต ส.ส.และรัฐมนตรีช่วยว่าการหลายกระทรวง ภายหลังปี 2549 ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จึงมาทำงานการเมืองในนาม “กลุ่มเพื่อเนวิน” และให้การสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยจวบจนปัจจุบัน
“ท็อป” นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานสโมสรฟุตบอล “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี เอฟซี เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมืองตามบรรหาร ศิลปอาชา บิดา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) โดยการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี ในปี 2544, 2548 และ พ.ศ.2550 สังกัดพรรคชาติไทย และได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปี 2551 ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทย จึงหันมาจับด้านกีฬาในฐานะประธานสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี โดยปัจจุบันกลับมาสู่สนามการเมืองโดยสังกัดพรรค ชทพ.ในนามกลุ่มยังบลัด
“เลขาฮั่น” นายมิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรฟุตบอล “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด เดินตามรอย ยงยุทธ ติยะไพรัช บิดา และนักการเมืองชื่อดังแห่งเมืองเชียงราย ก้าวมาสู่เลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ปรับโหมดเป็นนักการเมืองเต็มตัว
“บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ 4 สมัย และอดีตคณะกรรมการบริหารสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เคยได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาเขตปทุมวัน กทม. ปี 2528 ก่อนจะเข้าทำงานการเมืองร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ช่วงปี 2543 ต่อมาย้ายสังกัดพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ปี 2547 ปัจจุบัน ภายหลังจากหมดสมัยการเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตัดสินใจเข้าพรรคประชาชาติ (ปช.) โดยเป็นตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ปช.ดูแลพื้นที่ กทม.
“สมศักดิ์” นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตประธานสโมสรฟุตบอล “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี เป็นผู้แทนหลายสมัยของ จ.สุโขทัย และอดีตรองนายกรัฐมนตรีหลายกระทรวง โดยหลังรัฐประหาร 19 กันยา 2549 ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จึงก่อตั้งกลุ่มมัชฌิมา และพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพื่อสานต่อการเมืองจนกระทั่งปัจจุบัน เปลี่ยนมาเป็นกลุ่มสามมิตรและเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมทั้งรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรค พปชร.
“เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย อดีตประธานสโมสรฟุตบอลชัยนาท ฮอร์นบิล เคยสังกัดพรรคไทยรักไทย ปี 2550 ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จึงมาทำงานการเมืองในกลุ่มมัชฌิมา และหันมาจับกีฬาบ้านเกิดเป็นประธานสโมสรฟุตบอลชัยนาท ฮอร์นบิล ปัจจุบันกลับมาสู่สนามการเมืองอีกครั้งในนามกลุ่มสามมิตร และปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)