เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ในงานระดมทุนพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) 600 ล้าน ซึ่งมีกำหนดการเดิม ให้ทั้ง 4 รัฐมนตรี นายอุตตม นายสนธิรัตน์ นายสุวิทย์ และนายกอบศักดิ์ มีคิวต้องขึ้นเวทีกล่าวในงาน แต่เนื่องจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ท้วงติงห้ามขึ้นเวทีโดยเด็ดขาด หลังทั้ง 4 รัฐมนตรีหารือข้อกฎหมาย เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและกฏหมายที่เกี่ยวกับการระดมทุนห้ามรัฐมนตรีขึ้นเวทีพูดหรือแสดงแอคชั่นไว้ แม้เป็นเวลานอกราชการก็ตาม หากฝ่าฝืนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี โดยให้มาในฐานะแขกร่วมงานเท่านั้น
ขณะที่ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขึ้นเวทีเป็นตัวแทนกล่าวต้อนรับแขกในงานตอนหนึ่งว่า งานนี้เป็นงานที่สำคัญ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งในอันใกล้นี้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่เคยอยู่ด้วยความสงบ ประชาชนรักใคร่ปรองดองทำให้เศรษฐกิจมีความเจริญเติบโต เมื่อ20-30 ปีที่ผ่านมา เราอาจเคยได้ยินว่าไทยคือเสือตัวที่ 5 ของเอเซีย การขับเคลื่อนครั้งนั้นเป็นการระดมการลงทุนอุตสาหกรรมหลักประเทศ เศรษฐกิจเจริญเติบโต รัฐบาลต่อมาก็มีนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า
“แต่วิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอทำให้ความสามารถเศรษฐกิจไทยถดถอยลง ทำให้ประเทศไม่สามารถพัฒนาไปได้ตามศักยภาพของประเทศ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆที่ทำให้โลกเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยจมอยู่กับความขัดแย้ง และความเห็นต่างด้านความคิดไม่สามารถขับเคลื่อนประเทศได้ ถึงเวลาที่เราต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง วันนี้เราต้องตัดสินใจเดินหน้าพัฒนาประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้แต่เฉพาะส.ส. เข้าสภาฯ แต่เป็นการกำหนดอนาคตของประทศ พปชร.ตัดสินใจเราจะไม่ย้อนหลังสู่ความขัดแย้ง แต่จะก้าวไปข้างหน้า มอบประเทศไทยที่สมบูรณ์ให้ลูกหลาน แม้เราจะเป็นพรรคใหม่ แต่มีอดีตผู้บริหารประเทศ อดีตส.ส.ที่ทำงานซื่อสัตย์สุจริต เราพร้อมรวมทุกภาคส่วนทุกกลุ่มอยู่ในพปชร. เราสัญญานำนโยบายที่ดีที่เหมาะสมกับประชาชนในทุกภาคส่วน เราจะไม่ทอดทิ้งใคร ขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงาน”นายณัฐพลกล่าว